ไก่ย่างสาหร่าย Rosemaleen ธุรกิจสู้ชีวิตจากความล้มเหลวสู่ความสำเร็จ

#BIHAPSSTORYEP 10

ในชีวิตของใครสักคน ความล้มเหลวอาจหมายถึงจุดสิ้นสุดของอะไรหลาย ๆอย่างที่ตามมา ความล้มเหลวจึงไม่ใช่สิ่งที่ทุกคนปรารถนาจะพบเจอไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม แต่ผู้คนจำนวนไม่น้อยเลยทีเดียวที่ไม่อาจเลี่ยงที่จะไม่พบเจอกับความล้มเหลว สิ่งที่ตามมาจึงอยู่ที่ว่าเมื่อคุณเจอปัญหาหรืออุปสรรคที่โถมเข้าใส่ คุณจะเดินหน้าต่อไปอย่างไรดีต่างหาก เฉกเช่นเดียวกับธุรกิจเล็ก ๆ ธุรกิจหนึ่งที่มีจุดเริ่มต้นจากความล้มเหลว แต่ด้วยความไม่ย่อท้อต่อโชคชะตาจึงผลักดันให้ธุรกิจนี้ให้มีโอกาสเติบโตอย่างยั่งยืน

ความล้มเหลวเป็นแรงผลักดันให้เดินหน้าต่อ

“คุณโรสมาลีน กิตินัย” คือเจ้าของธุรกิจไก่ย่างสาหร่าย “โรสมาลีน” โดยแรกเริ่ม เดิมทีคุณโรสมาลีนไม่คิดไม่ฝันว่าตัวเองจะต้องจับพลัดจับผลูเข้ามาอยู่ในแวดวงธุรกิจอาหารเพราะก่อนหน้านี้คุณโรสมาลีนทำธุรกิจเปิดร้านขายผ้าที่จังหวัดปัตตานี แต่ด้วยสถานการณ์ความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ทำให้กิจการร้านผ้าซบเซาลง และทำให้หลายคนต้องถูกให้ออกจากงานเพราะโรงงานในจังหวัดถูกปิดตัวลงหลายแห่งทำให้คุณโรสมาลีนเองก็มืดแปดด้านด้วยไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรเพื่อหารายได้มาจุนเจือครอบครัว จนกระทั่งวันหนึ่งคุณโรสมาลีนได้มีโอกาสไปออกบูธขายผ้าโดยคำชักชวนของคุณกำแก้ว เมนาคม นายกสมาคมธุรกิจอาหารปัตตานีซึ่งจัดโดยพาณิชย์จังหวัดปัตตานีที่ห้างฟิวเจอร์พาร์ครังสิต ที่งานนี้เองที่คุณโรสมาลีนได้มีโอกาสพบเห็นสินค้าพื้นเมืองต่าง ๆ จาก 5 จังหวัดภาคใต้นับเป็นการเปิดหูเปิดตาและสร้างไอเดียใหม่ ๆให้แก่คุณโรสมาลีนเป็นอย่างมากกระทั่งน้องสาวซึ่งได้ออกบูธด้วยกันนำกือโป๊ะทอด(ข้าวเกรียบปลาสด)มาให้รับประทานทำให้คุณโรสมาลีนได้ไอเดียสำคัญที่จะลองผลิตกือโป๊ะออกมาวางจำหน่ายภายใต้บรรจุภัณฑ์ที่สวยงามและแนวคิดที่ว่า “อาหารพื้นถิ่น มีประโยชน์ มีคุณค่าทางโภชนาการสูง”  ซึ่งคุณกำแก้ว  เมนาคมได้แนะนำให้ไปเรียนรู้การทำกือโป๊ะกับอาจารย์เนตรณภิส  อ่องสุวรรณและอาจารย์พัชรินทร์  ภักดีฉนวน ที่ศูนย์วิทยาศาสตร์อาหารฮาลาล  มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์วิทยาเขตปัตตานีจนได้ออกมาเป็นกือโป๊ะแปรรูปจากปลาทูสดที่มีมากถึง 6 รสชาดออกมาวางจำหน่าย
ธุรกิจดำเนินไปได้ด้วยดีจนกระทั่งถึงช่วงเวลาหนึ่งที่เกิดเหตุการณ์ฝนตกหนัก มีมรสุมทำให้ปลาขาดตลาดไม่สามารถทำกือโป๊ะได้ต้องหยุดผลิตไปเกือบ 2 สัปดาห์ทำให้สมาชิกในกลุ่มขาดรายได้ ช่วงเวลานั้นคุณโรสมาลีนมีโอกาสเดินทางไปที่ ต.บางปู อ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานี แล้วไปพบเห็นของดีประจำถิ่นคือ สาหร่ายผมนาง คุณโรสมาลีนได้เล็งเห็นคุณค่าของสาหร่ายจึงคิดนำมาต่อยอดผลิตภัณฑ์จนมาลงเอยที่ “ไก่ย่างสาหร่ายผมนาง” เพื่อนำมาเป็นรายได้ทดแทนการทำกือโป๊ะ

ชื่อแบรนด์ที่ติดหูก็คือชื่อของตัวเอง

สำหรับชื่อแบรนด์ไก่ย่างสาหร่าย Rosemaleen นั้นก็ได้ชื่อของตัวคุณโรสมาลินนำมาตั้งเป็นชื่อของแบรนด์ผลก็คือได้ชื่อแบรนด์ที่สะดุดหูและจดจำง่ายสำหรับลูกค้าไปในที่สุด

จุดเด่นคือรสชาติและคุณภาพที่ใส่ใจสุขภาพของผู้บริโภค

คุณโรสมาลีนคิดค้นสูตร “ไก่ย่างสาหร่ายผมนาง Rosemaleen” โดยใช้เวลากว่า  8 เดือนโดยพิถีพิถันในการคัดสรรวัตถุดิบซึ่งเป็นสมุนไพรเช่น ผักชี  พริกไทย  กระเทียม ที่สดสะอาดนำมาคลุกเคล้ากับเนื้อไก่บดและสาหร่ายผมนางที่หมักโดยสูตรลับเฉพาะจนเนื้อนุ่มให้รสชาติที่อร่อยถูกปาก รสชาติกลมกล่อม หอมสมุนไพรและที่สำคัญคือไม่มีส่วนผสมของสารกันบูดและวัตถุกันเสียเพราะความใส่ใจในสุขภาพของผู้บริโภคเป็นสำคัญหลังจากนั้นนำมาขึ้นรูปเป็นชิ้นโดยสามารถนำไปย่าง  อบ  หรือ ทอดก็ได้เช่นกัน

ความใส่ใจในสุขภาพของผู้ทานคือพื้นฐานสำคัญเหนือสิ่งอื่นใด

ไก่ย่างสาหร่ายผมนางของคุณโรสมาลีนถูกผลิตด้วยกรรมวิธีฮาลาลผสานสูตรลับเฉพาะที่ลงตัวจึงเหมาะเป็นอย่างยิ่งกับผู้ที่ชื่นชอบในรสชาติอาหารท้องถิ่นไม่เฉพาะแต่พี่น้องชาวมุสลิมเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงพี่น้องในภาคส่วนอื่น ๆด้วยเช่นกันนั่นก็เพราะพื้นฐานความใส่ใจสุขภาพของคนทานที่ผ่านกระบวนการผลิตที่ปราศจากการปรุงแต่งหรือสิ่งเจือปนที่ไม่ดีต่อสุขภาพนั่นเอง

เป้าหมายสำคัญกับการต่อยอดธุรกิจให้ยั่งยืน

ไก่ย่างสาหร่ายผมนางของคุณโรสมาลีนได้มีโอกาสไปร่วมงาน “Betong  Halal International  Fair  2019”  ซึ่งจัดโดยศูนย์วิทยาศาสตร์ฮาลาล  จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยได้รับกระแสตอบรับภายในงานดีมากคุณโรสมาลีนจึงได้ทดลองส่งไปขายตามที่ต่าง ๆ และผลตอบจากลูกค้าก็อยู่ในเกณฑ์ที่ดี คุณโรสมาลีนจึงมีแนวคิดที่จะพัฒนาต่อยอดไปเป็นแฟรนไชส์ “ไก่ย่างสาหร่ายผมนาง” จึงเข้าร่วมโครงการ “Key  Success  To  The  Best  halal  Franchise” ทำให้ได้เรียนรู้ธุรกิจในรูปแบบของแฟรนไชส์ ทางผู้บริหารได้วางแนวคิดที่จะขยายแฟรนไชส์ไก่ย่างสาหร่ายผมนางโรสมาลีนให้ได้ทุกอำเภอใน 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้โดยเหตุผลที่สำคัญก็คือความสะดวกในการขนส่งสินค้า

แรงบันดาลใจส่งต่อสู่ธุรกิจอื่น ๆ

การทำธุรกิจไม่ว่าจะเป็นธุรกิจใด ๆก็ตามถึงแม้ว่าคุณจะไม่เคยมีความชำนาญหรือประสบการณ์ในการทำธุรกิจนั้นมาก่อน แต่หากคุณมีใจรักที่จะทำ มีเป้าหมายที่แนวแน่ชัดเจน และคิดที่จะช่วยเหลือผู้อื่นด้วยใจจริง ทุกคนก็สามารถทำได้ขอเพียงแค่ “ตั้งเป้าหมายให้ชัดเจน ขยันศึกษาหาความรู้เพื่อพัฒนาตนเอง  มีความตั้งใจ อดทนไม่ย่อท้อ สิ่งดี ๆที่ทำเพื่อผู้อื่นก็จะตอบแทนเป็นความสำเร็จให้แก่คุณในที่สุด”

ช่องทางติดต่อ

– หน้าร้าน ตรงข้ามอาคารเอนกประสงค์จะบังติกอ อ.เมือง จ.ปัตตานี เวลา 06.00-09.30 น.
– Facebook: Rose maleen
– Page: keropok4u
– Id line: K.rosemaleen
– Tel 086 9615844, 087 9692284
– ร้านที่มีป้าย “ไก่ย่างสาหร่าย Rosemaleen”

“Pinsouq Halal Marketplace” ตลาดฮาลาลออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในเมืองไทย

#BIHAPSSTORYEP 9

เพราะช่องทางการค้าออนไลน์เป็นช่องทางที่อำนวยความสะดวกเป็นอย่างมากในยุคปัจจุบัน และด้วยความเข้าอกเข้าใจต่อพี่น้องชาวมุสลิมด้วยกัน จึงมีผู้ที่ริเริ่มคิดนวัตกรรมขึ้นมาเพื่อให้พี่น้องมุสลิมได้รับความสะดวกสบายจากการซื้อสินค้าออนไลน์โดยไม่ขัดต่อหลักของศาสนาเกิดเป็นตลาดสินค้าฮาลาลที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยขึ้นมา ตลาดสินค้าฮาลาลที่ว่านั้นมีชื่อว่า Pinsouq Halal Marketplace

เพราะความเข้าใจพี่น้องมุสลิมด้วยกัน จึงถือกำเนิดเป็นนวัตกรรมเพื่อพี่น้องมุสลิมโดยเฉพาะ

จุดเริ่มต้นเรื่องราวของ “Pinsouq” เกิดขึ้นมาจากมันสมองและแนวคิดของชายผู้มีชื่อว่า “คุณชารีฟ เด่นสุมิตร” ผู้ที่นิยมและชื่นชอบในการทำ Tech Start Up และมีแนวคิดที่อยากจะนำสิ่งที่ตนคิดค้นลงมือทำมาเป็น “นวัตกรรม” ที่สามารถเปลี่ยนโลกใบนี้ได้ โดยใช้องค์ความรู้ทั้งหมดที่ร่ำเรียนมาจากทั้งระดับปริญญาโทวิศวกรรมซอฟต์แวร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และบริหารธุรกิจในหลักสูตร Young Executive MBA จากมหาวิทยาลัยบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (NIDA) มาประกอบกันเป็นนวัตกรรมเล็ก ๆที่ชื่อว่า “BEMUY” หรือ “BUY ME” โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างตลาดสินค้าฮาลาลที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยขึ้นมาเพื่อตอบสนองต่อความต้องการสินค้าฮาลาลที่นับวันจะยิ่งขยายตัวมากขึ้นทั้งในประเทศและต่างประเทศและที่สำคัญคือเป็นนวัตกรรมเพื่อพี่น้องชาวมุสลิมได้ใช้สินค้าฮาลาลที่ถูกต้องตามหลักศาสนาและมีคุณภาพที่ดีเพราะความเข้าใจในหัวอกของพี่น้องมุสลิมด้วยกันนั่นเอง

รีแบรนด์เพื่อเติบโตและมุ่งสู่ความเป็น “สากล”

ภายหลังการเปิดใช้งานแพลตฟอร์ม BEMUY คุณชารีฟจึงได้ทำการเปลี่ยนชื่อเป็น “PINSOUQ” เพื่อรองรับตลาดในต่างประเทศให้มากยิ่งขึ้น โดยคำว่า Pinsouq เกิดจากการรวมรากศัพท์คำว่า “PIN” ภาษาอังกฤษที่สื่อถึง การปักหมุด และ “SOUQ” ที่มาจากภาษาอาราบิคที่แปลว่า “ตลาด” โดยการรีแบรนด์ในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อมุ่งสร้างให้แบรนด์เป็นที่รู้จักและมุ่งสู่ความเป็นสากลมากยิ่งขึ้น

อัตลักษณ์และจุดเด่นที่ชัดเจนคือแนวทางการดำเนินงานสู่ความสำเร็จ

PinSouq มีรูปแบบในการดำเนินงานที่ต้องการเป็นตลาดสินค้าฮาลาลออนไลน์ที่ง่ายต่อการเข้ามาซื้อและเข้ามาขาย โดยปัจจุบันมีสินค้านับแสนรายการจากทั่วประเทศเข้ามาวางจำหน่ายภายใต้แพลตฟอร์ม PINSOUQ โดยผู้ที่สนใจสามารถเข้ามาซื้อขายกันได้ที่ www.pinsouq.com หรือในแอพพลิเคชั่นทั้งระบบปฏิบัติการ Android และ IOS
แทบไม่น่าเชื่อว่าจากแนวคิดเล็ก ๆในระหว่างเรียนจะได้ถือกำเนิดเป็นบริษัท แฮส ออเดอร์ จำกัด ภายใต้แบรนด์ PINSOUQ ที่คุณชารีฟสร้างขึ้นเพื่อเป็นตลาดฮาลาลออนไลน์ครบวงจรที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยโดยประกอบไปด้วย

1. ระบบการกระจายสินค้าอาหารฮาลาลในชื่อแบรนด์ PINSOUQ STORE โดยมีพื้นที่อยู่ใน 6 จังหวัดได้แก่ ปัตตานี, ยะลา, สงขลา, ตรัง, อยุธยา และกรุงเทพมหานคร

2. ระบบการจัดส่งอาหารสดถึงบ้านในชื่อแบรนด์ PINSOUQ DELIVERY 

3. ระบบการวางตลาดสินค้าสำหรับผู้ประกอบการในชื่อแบรนด์ PINSOUQ ACADEMY รวมถึงอื่น ๆ

โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อตอบสนองความต้องการของคนทุกกลุ่ม ด้วยสโลแกน “การตลาดแบบกล้วย ๆ ด้วย PINSOUQ”

Pinsouq ตลาดฮาลาลออนไลน์เพื่อทุก ๆ คน

แม้ว่า PinSouq จะถือกำเนิดขึ้นมาเพื่อให้พี่น้องชาวมุสลิมได้ใช้สินค้าและผลิตภัณฑ์ฮาลาลเป็นสำคัญ แต่แท้จริงแล้วนั้น “สินค้าฮาลาล” เป็นสินค้าที่ไม่ได้จำกัดแต่เฉพาะพี่น้องชาวมุสลิมเท่านั้นโดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของอาหาร เพราะขั้นตอนกรรมวิธีของฮาลาลเป็นกรรมวิธีที่ไม่มีการเจือปนสิ่งที่จะให้โทษใด ๆแก่สุขภาพ ดังนั้นสินค้าฮาลาลใน Pinsouq จึงเหมาะสมกับทั้งพี่น้องชาวมุสลิมและผู้ที่สนใจสินค้าฮาลาล

มุ่งเป้าสู่สากล เพื่อยกระดับสินค้าฮาลาลเมืองไทยให้เป็นที่รู้จักยังต่างแดน

การดำเนินงานของ Pinsouq แม้จะได้รับกระแสตอบรับเป็นอย่างดีในประเทศไทยจนกระทั่งสามารถเติบโตเป็นตลาดฮาลาลออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยได้อย่างเต็มภาคภูมิ แต่สำหรับ Pinsouq ความสำเร็จนี้เป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นของเป้าหมายที่ใหญ่กว่านั่นคือ การยกระดับสินค้าฮาลาลจากเมืองไทยและช่วยเป็นช่องทางผลักดันให้แก่สินค้าฮาลาลจากเมืองไทยให้เป็นที่รู้จักและขยายตัวไปยังภูมิภาคอื่น ๆทั่วโลกในอนาคต

ตัวอย่างเรื่องราวดี ๆที่ส่งต่อแรงบันดาลใจให้แก่ผู้ที่คิดเริ่มต้นทำธุรกิจ

Pinsouq เป็นตัวอย่างของธุรกิจที่ประสบความสำเร็จได้โดยไม่มีอุปสรรคในเรื่องระยะทางแม้แต่น้อย แม้ว่าทำเลที่ตั้งจะไม่ได้อยู่ในเมืองหลวงอย่างกรุงเทพมหานคร แต่หากอยู่ถึงสถานที่ที่ทุกคนรู้จักกันในชื่อว่า 3 จังหวัดชายแดนใต้แต่ผลงานที่ออกมากลับเป็นที่ยอมรับตามมาตรฐานสากล โดยได้รับความเชื่อถือจากองค์กรชั้นนำใหญ่ ๆภายในประเทศโดยมีผลงานระดับประเทศมากมายรวมไปถึงการได้มีโอกาสไปเป็นที่รู้จักตามสื่อต่าง ๆไม่ว่าจะเป็น SHARK TANK THAILAND, สุทธิชัย LIVE, NEWS TODAY, STAR TECH สิ่งเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นแรงบันดาลใจให้กับธุรกิจทั้งในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนเองรวมไปถึงธุรกิจอื่น ๆที่อยู่นอกพื้นที่ว่าสามารถไปไกลในระดับโลกได้  เพียงแต่เจ้าของกิจการต้องมีความเชื่อมั่นว่า คุณเองก็ทำได้ ซึ่งในที่สุดก็จะนำไปสู่การร่วมมือกันนำพาธุรกิจไปแสวงหาตลาดใหม่ ๆ เพื่อสร้างโอกาสทางธุรกิจให้ยั่งยืนสืบต่อไป

ช่องทางติดต่อ

ผู้ที่สนใจสามารถเข้าไปดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ช่องทางดังต่อไปนี้
Facebook: Pinsouq ตลาดสินค้าฮาลาล
– Website: www.pinsouq.com
– App Store: Pinsouq ตลาดสินค้าฮาลาลออนไลน
– Play Store: Pinsouq ซื้อ-ขาย สินค้า ฮาลา

…………………………………………………………………………………………………………
ศูนย์วิทยาศาสตร์ฮาลาล จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (สำนักงานปัตตานี)
300/80 ถนนหนองจิก ตำบลรูสะมิแล อำเภอเมืองปัตตานี จังหวัดปัตตานี 94000
โทร 073-333-604 แฟกซ์ 073-333-602

Facebook : ศูนย์วิทยาศาสตร์ฮาลาล จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (สำนักงานปัตตานี)
#HALALSCIENCE2020
#HSCPN
#HALALPATTANI
#HALALCHULA

แกงกะหรี่แพะ แกงกะหรี่เนื้อสำเร็จรูปพร้อมทาน “AMA” ผลิตภัณฑ์คุณภาพที่ส่งต่อรสชาติความอร่อยจากรุ่นสู่รุ่น

#BIHAPSSTORYEP 8

สูตรลับด้านรสชาติอาหารของแต่ละบ้าน เป็นวิถีชีวิตและภูมิปัญญาที่ได้รับการถ่ายทอดและส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่น รสชาติที่คุ้นเคยคือความอบอุ่นที่ถูกส่งต่อบอกเล่าเรื่องราวผ่านกาลเวลามาจนถึงปัจจุบันและหลาย ๆบ้านก็นำเอาสูตรเด็ดประจำครอบครัวนี้มาประกอบเป็นธุรกิจเกี่ยวกับอาหาร  จนสร้างเนื้อสร้างตัวประสบความสำเร็จมาจนนับไม่ถ้วนเลยทีเดียว เช่นเดียวกับเรื่องราวที่อยากจะเล่าดังต่อไปนี้  ซึ่งเกี่ยวข้องกับสายใยความรักและความผูกพันของครอบครัวหนึ่งซึ่งส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่นในรูปแบบของสูตรอาหาร  จนกลายเป็นที่มาของแบรนด์อาหารประจำถิ่น ของดีที่น่าลิ้มลองรสชาติและความอร่อย

จากสูตรลับประจำครอบครัวเป็นที่มาของร้านดังประจำตัวเมืองยะลาและต่อยอดไปสู่แกงกระหรี่สำเร็จรูป

“คุณนูร์อิศซาตีย์ สาและ” เป็นเจ้าของเรื่องราวที่เรากำลังพูดถึงกันอยู่นี้ ปัจจุบันคุณนูร์อิศซาตีย์เป็นเจ้าของกิจการร้านอาหาร My home café’ ร้านอาหาร Myhome restaurant และเจ้าของผลิตภัณฑ์แกงกะหรี่ สำเร็จรูปพร้อมทาน ตรา AMA จุดเริ่มต้นก่อนที่จะมาเป็นผลิตภัณฑ์แกงกะหรี่สำเร็จรูปตรา AMA นั่นเริ่มต้นมาจากที่ครอบครัวของคุณนูร์อิศซาตีย์มีร้านข้าวแกงเล็ก ๆร้านหนึ่งในตัวเมืองยะลาที่มีเมนูยอดนิยมประจำร้านคือแกงกะหรี่แพะและแกงกะหรี่เนื้อสูตรดั้งเดิมโบราณที่ได้รับการสืบทอดสูตรเด็ดความอร่อยมาจากบรรพบุรุษ  จนส่งต่อมาถึงรุ่นคุณแม่ของคุณนูร์อิศซาตีย์ ซึ่งแกงทั้ง 2 ได้รับการตอบรับที่ดีมากจากทั้งลูกค้าประจำและลูกค้าขาจร ทำให้คุณนูร์อิศซาตีย์ต้องการต่อยอดและพัฒนาสูตรแกงกะหรี่ประจำร้านให้เป็นที่ยอมรับมากขึ้นและต้องการขยายตลาดออกไปให้ไกลกว่าเดิม คุณนูร์อิศซาตีย์ จึงเริ่มต้นพัฒนาแกงกะหรี่ให้ออกมาในรูปแบบที่พร้อมรับประทาน และที่สำคัญต้องพกพาสะดวกจนกลายมาเป็นแกงกะหรี่สำเร็จรูปพร้อมรับประทานในชื่อแบรนด์ AMA

AMA สูตรแกงมาจากคุณแม่ จึงเป็นที่มาของชื่อแบรนด์สุดอบอุ่น

สาเหตุที่คุณนูร์อิศซาตีย์ตั้งชื่อแบรนด์ว่า AMA ก็เนื่องมาจากสูตรแกงกะหรี่ที่คุณนูร์อิศซาตีย์ทำออกมาจำหน่ายเป็นสูตรที่ได้รับการถ่ายทอดมาจากคุณแม่ของคุณนูร์อิศซาตีย์ ขณะเดียวกันลูก ๆทุกคนก็เรียกคุณแม่ว่า “อามา” ซึ่งคำ ๆนี้เป็นคำที่ผันมาจากคำศัพท์ภาษาอาหรับที่มาจากคำว่า มามา โดยมีความหมายว่า “แม่” คุณนูร์อิศซาตีย์ จึงใช้ชื่อที่เรียกคุณแม่ว่า AMA เป็นชื่อแบรนด์

จุดเด่นคือรสชาติแต่ที่เหนือกว่าความตั้งใจที่จะถ่ายทอดเรื่องราวดี ๆ ให้แก่ผู้บริโภค

จุดเด่นของแกงกะหรี่แบรนด์ AMA อยู่ที่รสชาติอันเป็นเอกลักษณ์ที่มีความอร่อยกลมกล่อมและหอมกรุ่นไปด้วยเครื่องเทศจากตำรับมลายูแท้ ๆซึ่งส่งต่อสูตรเด็ดมาจากรุ่นสู่รุ่น รสชาติจึงเป็นที่ยอมรับและถูกกล่าวถึงมาแล้วจากเมื่อครั้งยังเป็นเมนูเด็ดประจำร้านอาหารเล็ก ๆ
แต่หากสิ่งที่เป็นจุดเด่นที่แท้จริงซึ่งถูกซ่อนอยู่ภายใต้รสชาติกลมกล่อมนั้น  กลับเป็นเรื่องราวที่แฝงอยู่ภายใต้ความอร่อยด้วยความที่เป็นเมนูทำยากและไม่ได้หาทานกันได้ง่าย ๆมักจะหาทานได้เฉพาะในงานสำคัญ ๆในพื้นที่สามจังหวัดจึงทำให้แกงกะหรี่แพะกลายเป็นหนึ่งในเมนูแห่งความทรงจำ ที่ทำให้คนทานได้สัมผัสบรรยากาศเก่า ๆให้หวนระลึกถึงบ้านอาหารฝีมือแม่
โดยคุณนูร์อิศซาตีย์ได้นำเรื่องราวเหล่านี้บรรจุลงไปในแกงกะหรี่แบรนด์ AMA โดยคงรสชาติและกลิ่นอายอาหารปักษ์ใต้ตำรับมลายูเอาไว้อย่างครบถ้วนทุกประการ และที่สำคัญคือแกงกะหรี่แบรนด์ AMA สามารถยืดอายุและเก็บไว้ได้นานถึง 1 ปีโดยไม่ใช้สารวัตถุกันเสียและผงชูรส

อาหารท้องถิ่นที่พร้อมขึ้นสำรับกับข้าวของทุก ๆบ้าน

แม้ว่าจะเป็นอาหารปักษ์ใต้ตำรับมลายูแท้ ๆก็ตามแต่แกงกะหรี่ทั้ง 2 แบบไม่ว่าจะเป็นแพะหรือเนื้อวัวก็พร้อมแล้วที่จะขึ้นไปอยู่บนสำรับกับข้าวของคนไทยทุกภาคครับ ไม่ว่าจะเป็นผู้ที่ชื่นชอบรสชาติอันเป็นเอกลักษณ์หรือผู้ที่อยากลองสัมผัสรสชาติเพื่อเปิดประสบการณ์ใหม่ ๆด้านอาหารก็ยิ่งไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง นอกจากนี้ด้วยกรรมวิธีการผลิตที่ช่วยยืดอายุการเก็บรักษา ขนาดบรรจุที่พกพาไปไหนได้ง่าย ความสะดวกที่เพียงแค่แกะซองก็สามารถรับประทานได้ทันทีและที่สำคัญคือรสชาติที่คงเดิมทุกประการ ซึ่งตรงกับสโลแกนที่ว่า READY TO EAT “อร่อยง่ายๆ ได้ประโยชน์” ก็เชื่อได้ว่าจะโดนใจผู้บริโภคทุกคนได้ไม่น้อยเลยทีเดียว

เป้าหมายต่อไปคือการเปิดตลาดผู้บริโภคให้แกงกะหรี่สูตรคุณแม่ได้เป็นที่รู้จักในวงกว้างมากยิ่งขึ้น

ฟังดูอาจเป็นสูตรอาหารเฉพาะพื้นที่แต่คุณนูร์อิศซาตีย์ก็มีความฝันที่จะเผยแพร่แกงกะหรี่ทั้ง 2 ที่ได้รับการถ่ายทอดจากคุณแม่ให้เป็นที่รู้จักของคนไทยให้มากยิ่งขึ้น ให้คนไทยได้ลิ้มลองรสชาติความอร่อยจากอาหารสูตรมลายูแท้ ๆที่แฝงไปด้วยเรื่องราว กลิ่นอายที่ชวนให้รู้สึกอบอุ่นผ่านทางช่องทางการขายในทุก ๆช่องทางโดยเฉพาะช่องทางการค้าออนไลน์ที่นอกเหนือไปจากการวางขายที่หน้าร้านตามปกติ
“เมื่อไหร่ที่รู้สึกว่าอยากทำ นั่นแหละคือสิ่งที่ควรทำ” จงเริ่มต้นทำในสิ่งที่อยากทำให้เร็วที่สุดโดยอย่าเพิ่งกังวลต่อความผิดพลาดล้มเหลว เพราะสิ่งนั้นเป็นสิ่งที่ทุกคนจะต้องพบเจออยู่แล้ว จงมองความผิดพลาดเป็นบทเรียนที่เราต้องเรียนรู้และก้าวต่อไปให้ได้ วางเป้าหมายให้ยาวแล้วเดินตามเป้าหมายที่วางไว้ หากไม่มีประสบการณ์จงเร่งศึกษาเรียนรู้ ถามไถ่จากผู้มีประสบการณ์และจงเรียนรู้จากการลงมือทำ อย่ารีรอจะได้ไม่ต้องมานั่งเสียใจในภายหลัง

ช่องทางติดต่อ

ONLINE
สั่งซื้อได้ผ่านช่องทาง Pinsouq Lazada Shoppee
เฟซบุคเพจ : AMA Curry แกงแพะ แกงเนื้อ สำเร็จรูป ตราอามา

OFFLINE
ร้านอาหาร Myhome Restaurant สาขา ปั๊ม ปตท.ท่าสาป
ร้านอาหารMy home Café สาขามหาวิทยาลัยฟาฏอนี
D’OASIS CAFE สาขา สนามบินหาดใหญ่
D’OASIS CAFÉ สาขา แยกสนามบินหาดใหญ่
INIANIN CAFÉ สาขา หน้าโรงพยาบาลยะลา
ร้าน Insouvenir สนามบินภูเก็ต
FARM OUT LET PATTANI
FARM OUT LET HATYAI
DEEALEE MARKET

………………………………………………………………………………………

ศูนย์วิทยาศาสตร์ฮาลาล จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (สำนักงานปัตตานี)
300/80 ถนนหนองจิก ตำบลรูสะมิแล อำเภอเมืองปัตตานี จังหวัดปัตตานี 94000 โทร 073-333-604 แฟกซ์ 073-333-602

Facebook : ศูนย์วิทยาศาสตร์ฮาลาล จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (สำนักงานปัตตานี)

#HALALSCIENCE2020
#HSCPN
#HALALPATTANI
#HALALCHULA

Tiger cry เสือร้องไห้ By Vaheda: เนื้อย่างฮาลาลสู่มาตรฐานความเป็นสากล

#BIHAPSTORY 7

เสือร้องไห้ เป็นหนึ่งในเมนูเนื้อย่างที่ถูกปากและถูกใจคอเนื้อหลาย ๆ คนเพราะด้วยรสสัมผัสอันเป็นเอกลักษณ์และรสชาติหอมหวานที่ยิ่งเมื่อได้ทานคู่กับน้ำจิ้มแจ่วสูตรเด็ด เมนูนี้จึงกลายเป็นหนึ่งในเมนูมัดใจใครหลาย ๆ คนไปได้ไม่ยาก เสือร้องไห้เป็นเมนูเด็ดแนะนำประจำหลายร้านนั่นก็เพราะแต่ละร้านเองก็มีสูตรเด็ดเฉพาะตัวอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของใครของมัน แต่ร้านที่เราอยากจะแนะนำให้รู้จักเป็นร้านเสือร้องไห้แบบฮาลาล ที่พัฒนารูปแบบธุรกิจมาเป็นรูปแบบธุรกิจแฟรนไชส์ ที่ยกระดับเมนูเสือร้องไห้ให้ขึ้นมาตามมาตรฐานในระดับสากล

จากความชอบในเมนูเนื้อสู่ธุรกิจแฟรนไชส์เนื้อย่าง “เสื้อร้องไห้”

“คุณโยฮัน สาตออุมา” Marketing Directer บริษัท Yohan Corporation เจ้าของแบรนด์ Tiger cry เสือร้องไห้ ธุรกิจแฟรนไชส์เนื้อย่างฮาลาลสายพันธุ์ไทยที่มีความทันสมัยในสไตล์โมเดิร์น เพราะจากความชอบในการทานเนื้อวัวมาตั้งแต่แรก  จึงทำให้คุณโยฮัน พัฒนาความชอบมาสู่การทำธุรกิจด้านอาหารและเครื่องดื่มโดยเฉพาะอาหารในรูปแบบของฮาลาลซึ่งคุณโยฮันมีความความตั้งใจอันแน่วแน่  ที่จะพัฒนาธุรกิจอาหารฮาลาลให้เป็นสากลและสามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้ง่าย  ในรูปแบบที่ตอบโจทย์ไลฟสไตล์การใช้ชีวิตในปัจจุบัน โดยการคัดสรรวัตถุดิบในประเทศ  ให้ความสำคัญตั้งแต่กระบวนการคัดเลือกวัตถุดิบ กระบวนการผลิตไปจนถึงกระบวนการส่งต่อผลิตภัณฑ์คุณภาพไปสู่มือของลูกค้า จึงมีการพัฒนาธุรกิจให้มีมาตรฐานเป็นแบรนด์ที่เข้มแข็งขึ้นมา

เหตุที่เลือกใช้เนื้อวัวมาเป็นวัตถุดิบหลักนั้นก็เพราะเนื้อวัวเป็นเนื้อที่ได้รับความนิยมมาก  ไม่เฉพาะแต่พี่น้องมุสลิมเท่านั้น แต่คนไทยนิยมทานกันโดยทั่วไปและเมนูเสือร้องไห้ก็เป็นเมนูเด็ดที่ได้รับความนิยมของคนไทยมาอย่างยาวนานเพราะมีรสสัมผัสที่ครบในสัดส่วนที่พอดีกัน  ระหว่างไขมันและเนื้อที่อร่อยจนกระทั่งเหล่าคอเนื้ออดใจไม่ได้ต้องสั่งมาทานทุกครั้งไป คุณโยฮันจึงนำจุดเด่นทั้งหมดนี้มานำเสนอในรูปแบบที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะในชื่อ “Tiger cry เสือร้องไห้” โดยใช้กรรมวิธีในการหมักตามแบบฉบับเฉพาะที่เน้นอร่อยปาก ปราศจากอันตราย ด้วยวัตถุดิบโคเนื้อสายพันธุ์พื้นเมืองที่คัดสรรมาเป็นอย่างดีถูกต้องตามหลักฮาลาล ปราศจากผงชูรสและสิ่งปนเปื้อนเพราะความใส่ใจในทุกขั้นตอนการผลิต

Tiger Cry: ชื่อแบรนด์ตรงไปตรงมาที่เน้นการติดหูมากกว่าความถูกต้องตามหลักภาษา

 Tiger cry มาจากคำสองคำคือ คำว่า tiger และ cry ที่เมื่อนำนำมาเรียงต่อกันจึงให้ความหมายที่ตรงตัวว่า “เสือร้องไห้” แม้ว่าจะไม่ถูกหลักไวยกรณ์ แต่คุณโยฮันตั้งใจให้ชื่อมีความน่าสนใจ ติดหูและเป็นที่จดจำเพียงเท่านั้น

เสือร้องไห้รสชาติที่ชวนหลงใหลและรูปแบบธุรกิจที่น่าสนใจ

เมื่อผสานทุกอย่างเข้าด้วยกันจึงพัฒนามาสู่เสือร้องไห้ย่าง น้ำจิ้มแจ่วมะนาวสด  กับจุดเด่นที่การรังสรรค์เมนูเนื้อแสนอร่อยจากวัตถุดิบเนื้อโคพื้นเมืองชั้นดี ถูกต้องตามหลักฮาลาลที่ดีต่อสุขภาพ  โดยคัดเลือกเฉพาะส่วนเนื้อหน้าอก  นำมาผ่านการหมักด้วยสูตรพิเศษ แล้วนำมาย่างบนเตาร้อนๆอย่างพิถีพิถัน  จัดเสิร์ฟพร้อมผักเคียงน้ำจิ้มแจ่วมะนาวสดนำเสนอในรูปแบบที่ทันสมัย ไม่ว่าใครได้ลิ้มลองต่างก็ต้องติดใจ เสือร้องไห้จานนี้จะพาให้ทุกคนดำดิ่งถึงรสชาติความเป็นไทยชวนให้น่าหลงไหล และต้องกลับมาทานทุกครั้งที่มีโอกาส
รูปแบบร้านมาในรูปแบบคีออสสีเหลืองตัดดำ  ดูเด่นสะดุดตาโดยมีภาษารองรับถึง 4 ภาษาคือ ไทย อังกฤษ จีน ยาวี นอกจากนี้ยังมีเมนูให้เลือกไปจำหน่ายเสริมทั้งเครื่องดื่มและอาหารทานเล่นเพื่อเป็นทางเลือกให้แก่ลูกค้าและเพิ่มยอดขายให้เติบโตต่อไป

รสชาติถูกปากที่บรรดาคอเนื้อไม่ควรพลาด

เพราะรสชาดความอร่อยจากวัตถุดิบชั้นเลิศที่นำมาผ่านกระบวนการผลิตที่ได้คุณภาพจนกลายมาเป็นเมนูเสือร้องไห้ที่มีเอกลักษณ์และกลิ่นอายของความเป็นไทย  เมนูนี้เป็นเมนูที่คนรักการทานเนื้อไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวงครับ หรือแม้กระทั่งผู้ที่สนใจดูแลสุขภาพก็สามารถลิ้มลองความอร่อยจนต้องบอกต่อนี้ได้เช่นกัน เพราะความพิถีพิถันและใส่ใจในทุกขั้นตอนที่ปราศจากสิ่งปนเปื้อนตามหลักของฮาลาล ปราศจากผงชูรส  จึงทำให้แน่ใจได้ว่านอกจากรสชาติความอร่อย สิ่งที่ลูกค้าทุกท่านจะได้รับตามมาก็คือความปลอดภัยอันเป็นหัวใจหลักอันดับหนึ่งของเสือร้องไห้ของคุณโยฮัน

เป้าหมายที่อยู่สูงคือแรงผลักดันที่ต้องไปให้ถึง

คุณโยฮันตั้งเป้าไว้ว่าจะขยายกลุ่มลูกค้าของร้าน Tiger cry ออกไปทั้งในและต่างประเทศ แต่จะเน้นให้ความสำคัญแก่ลูกค้าภายในประเทศก่อน โดยระยะแรกจะเน้นให้สามารถขยายช่องทางการจัดจำหน่ายไปยัง 14 จังหวัดภาคใต้รวมถึงมีช่องทางจัดจำหน่ายภายในกรุงเทพมหานครเสียก่อน แล้วจึงขยายต่อไปยังภูมิภาคอื่น ๆในอนาคตโดยมีเป้าหมายอยู่ที่การนำไปสู่การสร้างอาชีพสนับสนุนเกษตรกร เกิดการจ้างงานในพื้นที่ และสร้างอาชีพให้ผู้ที่สนใจต่อไป

……………………………………………………………………………………………………………..
ศูนย์วิทยาศาสตร์ฮาลาล จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (สำนักงานปัตตานี)300/80 ถนนหนองจิก ตำบลรูสะมิแล อำเภอเมืองปัตตานี จังหวัดปัตตานี 94000 โทร 073-333-604 แฟกซ์ 073-333-602Facebook : ศูนย์วิทยาศาสตร์ฮาลาล จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (สำนักงานปัตตานี)
#HALALSCIENCE2020
#HSCPN
#HALALPATTAN
I#HALALCHULA

โคโรน่าไวรัสจะเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมผู้บริโภคตลอดไป

BIHAPSWEEKLY EP. 23

อ่านสรุป…

1. ทัศนคติ พฤติกรรม การใช้จ่ายของผู้บริโภคกำลังเปลี่ยนไป และจะกลายเป็นความปรกติใหม่หลังเหตุการณ์การระบาดของโควิดสิ้นสุดลง

2. ขณะที่การซื้อขายส่วนใหญ่ในช่วงของการระบาดเกิดขึ้นในกลุ่มสินค้าความต้องการพื้นฐาน แต่ในที่สุดแล้วจะมีความต้องการซื้อขายสินค้าในกลุ่มอื่นๆตามมา โดยผู้บริโภคจะให้ความสนใจสินค้าในกลุ่มที่ผลิตในชุมชน งานฝีมือและสินค้าจากกลุ่มธุรกิจเพื่อสังคม

3. ช่วงของการกักตัวทางสังคม ผู้บริโภคได้มีเวลาเรียนรู้การเชื่อมต่อในรูปแบบออนไลน์มากขึ้น เกิดการเรียนรู้ใช้งานช่องทางการสื่อสารออนไลน์ถือเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวัน ซึ่งจะกลายเป็นพฤติกรรมความเคยชินใหม่ที่จะเกิดขึ้นได้ในอนาคต

อ่านฉบับเต็ม…

การระบาดของโรค COVID-19 ส่งผลกระทบต่อพฤติกรรมและวิถีชีวิตของผู้คนทั่วโลกอย่างที่เกิดขึ้นปัจจุบัน ทั้งในเรื่องของการรักษาระยะห่างทางสังคม (Social Distancing) เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อ รวมไปถึงมาตรการต่างๆ ทื่ ทำให้ผู้คนต้องเปลี่ยนแปลงรูปแบบการดำเนินชีวิตไป ไม่เพียงแต่ความเป็นอยู่เท่านั้น การซื้อขายสินค้า หลักคิดและพฤติกรรมของผู้บริโภคนั้นยังเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ร้านค้าหลายแห่งปิดตัวลง ผู้บริโภคสามารถค้นหาสินค้าผ่านช่องทางใหม่ ถือเป็นการเปิดโลกของการซื้อขายสินค้าและบริการอย่างผ่านช่องทางออนไลน์ไม่มีข้อจำกัด นับเป็นบททดสอบที่สำคัญของผู้ผลิตและผู้ประกอบการที่จะต้องเตรียมรับมือกับความเปลี่ยนแปลง

ในช่วงที่ผู้คนต่างใช้ชีวิตอยู่ในช่วงของมาตรการการป้องกันและควบคุมโรคบีบบังคับผู้บริโภคต้องเปลี่ยนรูปแบบการดำเนินชีวิตไปจากเดิม ผู้บริโภคปรับเปลี่ยนพฤติกรรมไปในรูปแบบใหม่และอาจกลายไปเป็นความปรกติใหม่ในอนาคต โดยมีแนวโน้มของความต้องการในอนาคตขอยกตัวอย่างให้เห็นภาพดังนี้

1. ความใส่ใจด้านสุขภาพของผู้บริโภคอย่างที่ไม่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
ผู้บริโภคใช้หลักการทางด้านสุขภาพเข้ามามีผลต่อการตัดสินใจในซื้อสินค้าและบริการ เพื่อสนับสนุนชีวิตที่ดี ป้องกันและรักษาสุขภาพจากโรคภัยไข้เจ็บที่อาจจะเกิดขึ้นได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคต ดังนั้นการเตรียมความพร้อมของสินค้าและผลิตภัณฑ์ให้ตอบโจทย์ผู้บริโภคกลุ่มนี้จึงมีความสำคัญ

2. ความตระหนักในการใช้จ่ายของผู้บริโภคที่เพิ่มขึ้น
ผู้บริโภคให้ความสำคัญและตระหนักในการซื้อขายสินค้นค้ามากขึ้น จากสถานการณ์ความไม่มั่นคงในชีวิตที่เกิดขึ้นในช่วงของการระบาด ผู้บริโภคมีการเพิ่มความระมัดระวังในการใช้จ่าย มีสติกับการใช้จ่ายยิ่งขึ้น ดังนั้นสินค้าที่ทำให้ผู้ใช้รู้สึกคุ้มค่ากับราคาที่จ่ายไปสามารถตอบโจทย์ลูกค้ากลุ่มนี้ได้อย่างดี

3. ความต้องการสินค้าท้องถิ่น และการกลับเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของสังคม
ผู้บริโภคจะมีความต้องการในการซื้อสิ้นค้าในท้องถิ่นที่สะท้อนให้เห็นถึงคุณค่าของสินค้าที่มาจากการผลิตด้วยกรรมวิธีที่เรียบง่ายปลอดภัย ผลิตในชุมชน งานฝีมือและสินค้าจากกลุ่มธุรกิจเพื่อสังคมผ่านช่องทางออนไลน์ เพื่อส่งต่อคุณค่าของผู้คนในการช่วยเหลือซึ่งกันและกันมากขึ้น

ทางศูนย์บ่มเพาะวิสาหกิจและผลิตภัณฑ์ฮาลาล (BIHAPS) ศูนย์วิทยาศาสตร์ฮาลาล จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ขอขอบคุณทานผู้อ่านทุกท่านที่ติดตามและให้กำลังใจ ขอให้ทุกท่านเก็บเกี่ยวช่วงสุดท้ายในเดือนอันประเสริฐนี้ไปได้อย่างที่คาดหวังไว้

ติดตามข้อมูลดีๆ ได้จากเพจศูนย์วิทยาศาสตร์ฮาลาล จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (สำนักงานปัตตานี)

วัสสลาม.

………………………………………………………………………………………………………..
Reference : www.accenture.com/coronavirus-consumerbehaviorresearch

บทความโดย อมีน มะหมัด
ศูนย์บ่มเพาะวิสาหกิจฮาลาลฯ (BIHAPS)
ศูนย์วิทยาศาสตร์ฮาลาล จุฬาฯ สนง.ปัตตานี
#BIHAPSWEEKLY
#BIHAPSWEEKLY
#HALALSCIENCEPATTANI
#HSCPN
#HALALSCIENCECHULA

สะเต๊ะรถเข็น : จุดเริ่มต้นความอร่อยที่กำลังจะกลายเป็นตำนานคู่เมืองปัตตานี

หากจะมีสิ่งใดสิ่งหนึ่งที่ขึ้นชั้นในระดับตำนานได้ สิ่งนั้นคงจะต้องเป็นสิ่งสำคัญอย่างไม่ต้องสงสัย ในทำนองเดียวกันกับสินค้าที่กำลังจะเป็นตำนาน แน่นอนว่าสิ่งนั้นต้องมีคุณภาพ มีคุณค่า มีเรื่องราวที่ทำให้คนจดจำ และหากสินค้านั้นเป็นอาหารด้วยแล้ว คุณภาพ คุณค่าและเรื่องราวที่จะทำให้คนโจษขานได้ก็คงต้องเป็นรสชาติอันเป็นเอกลักษณ์ เรื่องราวสูตรเด็ดที่ตกทอด รวมไปถึงคุณภาพที่เต็มปากเต็มคำที่ผู้ตนให้การยอมรับและนึกถึงเสมอเมื่อพูดถึงอาหารจานดังกล่าวและเมื่อรวมทุกอย่างเข้าด้วยกัน อาหารจานนั้นก็มีโอกาสขึ้นชั้นในระดับตำนานได้ต่อไป เรากำลังพูดถึงอาหารเมนูเด็ดเมนูหนึ่งครับที่เป็นที่กล่าวขานถึงอย่างมากในตัวเมืองปัตตานีกับเมนูธรรมดาที่ไม่ธรรมาดกันกับร้านที่ชื่อว่า “สะเต๊ะรถเข็น”

ในช่วงนั้นคุณพงษ์นรินทร์แต่งงานมีครอบครัว โดยทางครอบครัวภรรยาของคุณพงษ์นรินทร์มีร้านอาหารเล็ก ๆคือการขายสะเต๊ะบนรถเข็นริมทางเท้าที่จังหวัดปัตตานี ซึ่งในช่วงนี้เองคุณพงษ์นรินทร์ก็ยังคงทำงานอยู่ที่เดิมต่อไป ยังไม่ได้เข้ามาช่วยทำกิจการอย่างเต็มตัว คงมีแต่ภรรยาที่ช่วยเหลือกิจการของทางครอบครัวที่ได้สูตรเด็ดตกทอดมาจนถึงรุ่นของคุณแม่ของภรรยา

แต่แล้วในปี 2554 ก็เกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันขึ้นเมื่อคุณแม่ของภรรยาผู้ริเริ่มดำเนินธุรกิจขายสะต๊ะริมทางได้จากไปอย่างไม่มีวันกลับ ซึ่งทำให้คุณพงษ์นรินทร์ต้องออกจากงานประจำที่ทำมาช่วยเหลือคุณโซเฟีย เจะและผู้เป็นภรรยามาบริหารร้านสะเต๊ะแทนซึ่งนับว่าเป็นเพียงรุ่นที่ 2 ของกิจการเท่านั้น

สะเต๊ะรถเข็นกับที่มาของชื่อเรียกที่ติดปากลูกค้า

เมื่อได้เข้ามาช่วยเหลือภรรยาในการบริหารร้านสะเต๊ะเต็มตัว คุณพงษ์นรินทร์จึงเริ่มมองเห็นโอกาสในการต่อยอดธุรกิจจากการเป็นเพียงร้านค้าริมถนน เขาจึงมองหาโอกาสความเป็นไปได้ที่จะย้ายร้านจากข้างทางนี้ให้มีที่ตั้งเป็นหลักเป็นแหล่ง ภาพที่คุณพงษ์นรินทร์เห็นกลุ่มลูกค้าที่เหนียวแน่นมาตั้งแต่รุ่นแม่ และโอกาสในการพัฒนาธุรกิจขายสะเต๊ะให้มีมาตรฐานเป็นที่รู้จักมากขึ้น จึงเกิดแนวคิดเปิดร้านสะเต๊ะในรูปแบบร้านอาหาร โดยชื่อร้านที่ตั้งก็มาจากการเรียกติดปากของลูกค้าว่า “สะเต๊ะรถเข็น” แต่คุณพงษ์นรินทร์ก็ไม่ได้หยุดอยู่เพียงเท่านี้ ภายหลังจึงมีการเพิ่มเติมเมนูอาหารเพื่อเป็นทางเลือกให้แก่ลูกค้าไม่ว่าจะเป็น ผัดไทยกุ้งสด หอยทอด  สุกี้ รวมไปจนถึงอาหารตามสั่ง เพื่อให้มีความหลากหลาย เป็นร้านอาหารแบบครบวงจร

รสชาติที่เลื่องลือคือตำนานที่เล่าขานมาจนถึงปัจจุบัน

นับตั้งแต่รุ่นคุณแม่ที่ได้สูตรเด็ดในการทำสะเต๊ะตกทอดมาจากอดีต สะเต๊ะของร้านสะเต๊ะรถเข็นเป็นสะเต๊ะสูตรดั้งเดิมที่ทานคู่กับน้ำจิ้มถั่วรสชาติกลมกล่อม ข้าวอัด และอาจาดรสเปรี้ยวแซ่บ สลัดรอเญาะราดน้ำแกงถั่ว ซึ่งเป็นพระเอกของร้านมาตั้งแต่เมื่อเริ่มก่อตั้ง ตัวเนื้อปิ้งมีความหอมกรุ่น มีรสชาติของสมุนไพรที่เข้มข้นถึงใจ ด้วยรสชาติที่น่าลิ้มลองนี้เองจึงถูกอกถูกใจไม่เพียงแต่เฉพาะคนในพื้นที่แต่ยังรวมไปถึงผู้คนในจังหวัดใกล้เคียงต่างก็ติดใจถึงกับต้องเดินทางมารับประทานถึงร้านเลยทีเดียว

คุณค่าอยู่ที่ความใส่ใจ ไม่เพียงแต่คุณภาพของสินค้า แต่ยังรวมไปถึงภาพลักษณ์ของร้านและความเป็นอยู่ของพนักงาน

เพราะความเอาใจใส่ดูแลไม่เพียงแต่รสชาติและคุณภาพของสินค้าเท่านั้น คุณพงษ์นรินทร์ยังใส่ใจไปจนถึงระบบจัดการร้านไม่ว่าจะเป็นการเลือกวัตถุดิบที่ต้องตรงตามหลักฮาลาล สถานที่ผลิต หน้าร้าน ความสะอาดและการดูแลพนักงานเป็นอันดับต้น เพราะความเชื่อที่ว่าหากเราดูแลพนักงานได้อย่างดี พนักงานก็จะดูแลลูกค้าให้เราได้อย่างดี
เช่นเดียวกัน

ร้านสะเต๊ะรถเข็นของคุณพงษ์นรินทร์จึงเป็นร้านอาหารที่เหมาะกับลูกค้าทุกเพศ ทุกวัยที่ชื่นชอบอาหารประเภทสะเต๊ะหรือต้องการรับประทานสะเต๊ะเนื้ออร่อย ๆที่มีคุณภาพตามหลักการฮาลาล โดยไม่มีสิ่งเจือปน หรืออาจเป็นของดีในการเสิร์ฟเพื่อขึ้นโต๊ะในการทำบุญและงานเลี้ยงต่าง ๆหรือเหมาะจะไปเป็นของฝากติดไม้ติดมือได้อย่างไม่ขัดเขิน

ไม่หยุดพัฒนาตนเอง มองหาโอกาสต่อยอดสร้างความสำเร็จอย่างไม่หยุดยั้ง

แม้ทางร้านสะเต๊ะรถเข็นจะประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากในจังหวัดปัตตานีและจังหวัดใกล้เคียง แต่ทางคุณพงษ์นรินทร์กลับไม่หยุดการพัฒนาไว้เพียงเท่านี้ คุณพงษ์นรินทร์ได้มีโอกาสเข้าอบรมในโครงการ “Key success  to the best halal franchise” นั่นเองทำให้เป้าหมายต่อไปของร้านสะเต๊ะรถเข็นมองโอกาสในการขยายสาขาในรูปแบบแฟรนไชส์ซึ่งก็ประสบความสำเร็จไปแล้วกับการมีสาขาของร้านถึง 2 สาขาในปัจจุบัน และมีแนวคิดที่จะขยายสาขาไปยังหัวเมืองเศรษฐกิจต่าง ๆ ในอนาคต

แรงบันดาลใจส่งต่อสำหรับผู้ประกอบการ

สำหรับคุณพงษ์นรินทร์นั้น “การทำธุรกิจก็เหมือนการเล่นกีฬา จุดเริ่มต้นนั้นเหมือนกัน แต่การทำให้ตัวเองไปถึงเส้นชัยนั้นขึ้นอยู่กับเทคนิคของแต่ละคน”  คือนิยามที่คุณพงษ์นรินทร์ได้ให้ไว้เป็นแรงบันดาลใจครับ การทำธุรกิจสำหรับบางคนที่กว่าจะประสบความสำเร็จได้ต้องผ่านการล้มลุกคลุกคลานมานับไม่ถ้วน

จุดเริ่มต้นของคนเรานั้นเหมือนกัน แต่ระหว่างทางเป้าหมายอาจต่างกันอย่างสิ้นเชิง ซึ่งเจ้าของกิจการต้องสะสมความรู้ประสบการณ์เอาไว้เสมอ อย่าหยุดนิ่ง แล้วท้ายที่สุดความสำเร็จก็จะเป็นของเรา ช่องทางติดต่อ

1. สาขาอ.เมืองปัตตานี น. ร้านตั้งอยู่ เลขที่41 ถนนกะลาพอ ต.จะบังติกอ อ.เมือง จ.ปัตตานีเปิดตั้งแต่ 09.00น. – 20.00

2. สาขาภูเก็ตแอร์พอร์ท ห่างจากสนามบินนานาชาติภูเก็ต มาทาง ต.สาคู ประมาณ 3 กิโลเมตร เปิดบริการ10.00น. – 22.00 น.

สำหรับผู้ที่สนใจ สามารถติดต่อได้ที่ คุณพงษ์นรินทร์  คานทอง โทร. 086-6872037

#BIHAPSSTORYEP 6

………………………………………………………………………………………………………………..
ศูนย์วิทยาศาสตร์ฮาลาล  จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (สำนักงานปัตตานี)
300/80 ถนนหนองจิก ตำบลรูสะมิแล  อำเภอเมืองปัตตานี  จังหวัดปัตตานี  94000
โทร 073-333-604    แฟกซ์ 073-333-602
Facebook : ศูนย์วิทยาศาสตร์ฮาลาล  จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (สำนักงานปัตตานี)

#HALALSCIENCE2020
#HSCPN
#HALALPATTANI
#HALALCHULA

ฮาลาลในแดนมังกร โอกาสและความท้าทายของตลาดสินค้าฮาลาลในสาธารณรัฐประชาชนจีน

ประเทศจีน มีชื่ออย่างเป็นทางการว่า สาธารณรัฐประชาชนจีน มีประชากรประมาณ 1,400 ล้านคน มีชนชาติต่างๆอยู่รวมกัน 56 ชนชาติ โดยเป็นชาวฮั่น ร้อยละ 93.3 ที่เหลือเป็นชนกลุ่มน้อยอื่นๆ มีพื้นที่ 9.6 ล้านตารางกิโลเมตร นับเป็นประเทศที่มีพื้นที่ใหญ่เป็นอันดับสามของโลก โดยมีศาสนาอย่าง ลัทธิขงจื้อ เต๋า พุทธ อิสลาม และคริสต์ กระจายกันไป

#ศาสนาอิสลามและจำนวนประชากรมุสลิมในจีน

ศาสนาอิสลามเข้าสู่ประเทศจีนครั้งแรกเมื่อประมาณ 1,400 ปีก่อน ในสมัยราชวงศ์ถัง (ค.ศ.618-960) ในบันทึกของราชสำนักถังได้ระบุว่า มีคณะทูตอิสลามจากอารเบียเข้ามาถวายบรรณาการยังราชวงศ์ถังครั้งแรกในปี ค.ศ.651 เป็นปีที่ 2 ของรัชสมัยจักรพรรดิหยุงเว่ย พวกเขาเดินทางมาถึงราชสำนักถังในสมัยของคอลีฟะฮฺอุสมาน ( ค.ศ.644-56) ตามความเชื่อของชาวจีนมุสลิมถือว่านั่นคือ ก้าวแรกของศาสนาอิสลามในประเทศจีน ผู้นำคณะทูตดังกล่าวคือ ซาอัด อิบน์ อาบี วักกอส ซึ่งเป็นศอฮาบะห์ (สหาย/ ผู้ติดตามท่านนบีมูฮัมมัด)

ปัจจุบัน จีนมีผู้นับถือศาสนาอิสลามประมาณ 25 ล้านคน คิดเป็นร้อยละ 1.76 ของประชากรจีน ส่วนใหญ่ชาวจีนมุสลิมอาศัยอยู่ในภาคกลางและตะวันตกของจีน อาทิ มณฑลกานซู มณฑลยูนนาน เขตปกครองตนเองมองโกเลียใน เขตฯ หนิงเซี่ยหุย (Chinese Muslims – Hui) และเขตฯ ซินเจียงอุยกูร์ (Turkic Muslims – Uyghurs) นอกจากนี้ ยังมีชาวจีนมุสลิมกระจายตัวอยู่ตามเมืองใหญ่ต่างๆ อาทิ กรุงปักกิ่ง นครเซี่ยงไฮ้ นครกว่างโจว และเมืองเซินเจิ้น โดยเมืองใหญ่เหล่านี้เป็นตลาดอาหารฮาลาล และเป็นจุดกระจายสินค้าไปยังหัวเมืองรอง อาทิ นครคุนหมิง มณฑลยูนนาน และนครซีอาน มณฑลส่านซี

#ฮาลาลและหน่วยงานรับรองฮาลาลในจีน

อาหารฮาลาลมีขายอย่างแพร่หลายในเกือบทุกเมือง เกือบทุกมณฑลของประเทศจีน โดยสามารถค้นหาร้านอาหาร และผลิตภัณฑ์ฮาลาล หากเป็นร้านอาหารโดยส่วนใหญ่จะเป็นร้านอาหารที่ดำเนินการโดยมุสลิมจีน สิ่งที่ทำให้เรารู้ได้ว่าเป็นอาหารหรือผลิตภัณฑ์ฮาลาลได้นั้น จะมีสัญลักษณ์ฮาลาลหรือมุสลิมทานได้ ที่เขียนด้วยภาษาจีนคำว่า “ 清真” (Qīngzhèn) อ่านว่า คิงเซียง หรือบางร้านมีโลโก้ฮาลาลภาษาอาหรับและเขียนภาษาจีนกำกับ หรือบางร้านเขียนเป็นภาษาอาหรับด้วยคำว่า “طعام المسلمين” ที่หมายถึงอาหารมุสลิม

ตั้งแต่มีนโยบายความเป็นอัตลักษณ์ของจีน ภาษาอาหรับและโลโก้ฮาลาลเริ่มหายไปในบางร้านอาหารหรือบางผลิตภัณฑ์เหลือคงไว้เป็นภาษาจีน “清真” ที่แปะไว้หน้าร้านหรือติดไว้บางมุมบนบรรจุภัณฑ์ของผลิตภัณฑ์ เพื่อเป็นสัญลักษณ์บ่งบอกว่า มุสลิมสามารถบริโภคอาหารนี้ได้ ตามร้านสะดวกซื้อต่างๆ ซึ่งในประเทศจีนมีหน่วยงานรับรองฮาลาลหลายหน่วยงาน แต่ที่ได้รับการยอมรับและประกาศโดยหน่วยงานพัฒนาอิสลามแห่งชาติมาเลเซีย หรือ JAKIM ที่ทำหน้าที่รับรองฮาลาลในประเทศมาเลเซีย ได้จัดหน่วยงานรับรองฮาลาลต่างประเทศที่ได้รับการยอมรับ เมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2019 มีหน่วยงานรับรองฮาลาลจากประเทศจีน จำนวน 5 หน่วยงาน ได้แก่

1. Shandong Halal Certification Service ( SHC )

2. China Islamic Association

3. ARA Halal Certification Services Centre Inc.

4. Linxia Halal Food Certification Centre

5. Shaanxi Shang Pin Yuan Halal Food & Restaurant Management Limited Company

ที่กระจายออกไปตามมลฑลต่างๆทั่วประเทศจีน

#อุตสาหกรรมฮาลาลในจีน

ในอดีตรัฐบาลจีน ตั้งเป้าให้ภูมิภาคจีนตะวันตกเฉียงเหนือเป็นจุดเชื่อมต่อกับโลกอิสลาม โดยประกาศนโยบายพัฒนาอุตสาหกรรมฮาลาล เพื่อยกระดับและพัฒนามณฑลแถบตะวันตกเฉียงเหนือเข้าสู่ความเป็นสากล วางยุทธศาสตร์ให้เป็นศูนย์กลางเชื่อมจีนกับกลุ่มประเทศมุสลิมและให้เขตฯ หนิงเซี่ยหุยเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมฮาลาลด้วยการจัดตั้งเขตอุตสาหกรรมอาหารฮาลาล และสนับสนุนความร่วมมือและการแลกเปลี่ยนทางวิทยาศาสตร์เพื่อใช้ในกระบวนการผลิตอาหารฮาลาล

โดยเริ่มตั้งแต่ปี 2554 รัฐบาลเขตฯ หนิงเซี่ยหุยได้ประกาศ “ระเบียบมาตรฐานอาหารฮาลาล” ซึ่งเป็นระเบียบมาตรฐานอาหารฮาลาลฉบับสมบูรณ์ฉบับแรก ปี 2557 คณะกรรมการตรวจสอบมาตรฐานและการรับรองแห่งชาติจีน ได้อนุมัติให้เขตฯ หนิงเซี่ยหุยก่อตั้ง “ศูนย์รับรองมาตรฐานอาหารฮาลาลและการค้าระหว่างประเทศ” และในปี 2559 รัฐบาลเขตฯ หนิงเซี่ยหุยมีแผนที่จะก่อสร้าง “เมืองมุสลิมโลก” (World Muslim City) เพื่อเป็นฐานการเชื่อมจีนกับภูมิภาคตะวันออกกลาง

แต่ในปี 2560 จากปัญหาเขตปกครองซินเจียง กระแสอิสลามโมโฟเบีย และระบอบการปกครองแบบคอมมิวนิสต์ที่มองเรื่องความเท่าเทียมกัน ทำให้รัฐบาลจีนและรัฐบาลท้องถิ่นที่เคยสนับสนุนอุตสาหกรรมฮาลาลเป็นอย่างมากกลับเปลี่ยนไป ได้มีการยกเลิกการรับรองฮาลาลในบางพื้นที่ คงเหลือเพียงคณะกรรมการชาติพันธุ์เขตฯ หนิงเซี่ยหุยที่ยังทำหน้าที่รับรองสินค้าฮาลาลดังเช่นที่เป็นมาในอดีต

#โอกาสของสินค้าฮาลาลที่น่าสนใจเจาะตลาดตะวันตกเฉียงเหนือของจีน

ถึงแม้ว่าท่าทีการสนับสนุนอุตสาหกรรมฮาลาลของรัฐบาลจีนจะเปลี่ยนไป แต่โอกาสของสินค้าฮาลาลในพื้นที่แถบนี้ก็ยังคงอยู่ พื้นที่แถบตะวันตกเฉียงเหนือของจีน มีปริมาณมุสลิมอาศัยกันอยู่หนาแน่น และเป็นเส้นทางสายไหมในอดีต จากศูนย์ข้อมูลเพื่อธุรกิจไทยในจีน ณ นครซีอาน ได้เสนอโอกาสของสินค้าที่น่าสนใจในภูมิภาคจีนตะวันตกเฉียงเหนือ ที่สามารถเข้าถึงตลาดผู้บริโภคทั้งทั่วไปและฮาลาล ดังนี้

1. อาหารทะเล ผัก และผลไม้เมืองร้อน ในหลายพื้นที่อย่าง มณฑลส่านซี กานซู และเขตฯ หนิงเซี่ยหุย เป็นพื้นที่ไม่ติดทะเล ผู้บริโภคชาวจีนในพื้นที่แถบนี้บริโภคสัตว์น้ำจืดจากแม่น้ำฮวงโห (แม่น้ำเหลือง) เป็นหลัก ซึ่งผู้ประกอบการไทยมีโอกาสในการทำตลาดผลไม้เมืองร้อน และอาหารทะเล โดยเฉพาะสินค้ากึ่งสำเร็จรูป/แช่แข็ง เพื่อตอบสนองความต้องการสินค้าที่ไม่สามารถหาได้ในท้องถิ่น

2. สินค้าสุขภาพ ความนิยมในการบริโภคสินค้าสุขภาพของผู้บริโภคชาวจีนมีจำนวนไม่น้อยและมองว่าสินค้าที่มาจากประเทศไทยเป็นสินค้าที่มีคุณภาพ ดังนั้น ผู้ประกอบการไทยมีโอกาสในการตลาดสินค้าออร์แกนิกส์ หรือสินค้าเพื่อสุขภาพ อาทิ กาแฟไขมันต่ำ น้ำมันมะพร้าวออร์แกนิกส์ เครื่องดื่มแปรรูปจากธัญพืช และสินค้าอุปโภคบริโภคที่ใช้ภายนอก (สปาหน้า สปาตัว) ที่สามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคชาวจีนสายสุขภาพได้ทั่วประเทศ

3. ธุรกิจบริการ จากข้อมูลของสถาบัน Cresent Rating ซึ่งเป็นกลุ่มวิจัยที่ศึกษาและติดตามเทรนด์การท่องเที่ยวเชิงฮาลาล (Halal Travel Trends) ทั่วโลกระบุว่า ปัจจุบันกลุ่มนักท่องเที่ยวมุสลิมมีจำนวนสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ และจะมีนักท่องเที่ยวมุสลิมกว่า 230 ล้านคนในปี พ.ศ. 2569 และคาดว่าปี พ.ศ. 2593 ประชากรมุสลิมจะมีประมาณร้อยละ 30 ของประชากรโลก โดยในส่วนของจีน ถึงแม้จะมีประชากรที่นับถือศาสนาอิสลามประมาณ 25 ล้านคน แต่รัฐบาลจีนกลับไม่มีโครงการลงทุนเกี่ยวกับการท่องเที่ยวเชิงฮาลาล และภาคเอกชนจีนเองก็ไม่กล้าลงทุนเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวจากประเทศมุสลิม เนื่องจากเล็งเห็นแล้วว่ารัฐบาลจีนและรัฐบาลท้องถิ่นไม่ให้การสนับสนุน ดังนั้น ตลาดนักท่องเที่ยวจีนมุสลิมจึงเปิดกว้างอยู่

สุดท้ายนี้ ผู้ประกอบการฮาลาลของไทยที่ต้องการเข้าถึงตลาดจีนควรเน้นศึกษาความต้องการของตลาด นำเสนอสินค้าที่มีคุณภาพสูง สร้างสรรค์ และแตกต่างจากคู่แข่ง รวมทั้งทำความเข้าใจวัฒนธรรม ประเพณี และรสนิยมของคนในพื้นที่นั้นๆ นอกจากนี้ การออกแบบบรรจุภัณฑ์ให้ทันสมัย สวยงาม มีภาษาไทยเป็นส่วนประกอบ มีภาษาจีนเป็นคำอธิบาย และมีช่องทางที่เข้าถึงได้ง่าย เช่น การวางจำหน่ายตามซุปเปอร์มาร์เกต หรือการมีหน้าร้านในแพลตฟอร์มช้อปปิ้งออนไลน์ ก็จะช่วยให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้มากขึ้น

……………………………………………..…….

เรียบเรียง
พิทักษ์ อาดมะเร๊ะ
หน.ส่วนงานบริการหน่วยงานภายนอก สนง.ปัตตานี
ที่มา : https://en.wikipedia.org/wiki/Islam_in_China

https://web.facebook.com/Prabsurapinad/photos/a.202089696656529/286928971505934/?type=3&theater
https://deepsouthwatch.org/th/node/11630

โอกาสสินค้าฮาลาลกับตลาดการค้าข้ามพรมแดน Cross Border E-Commerce ในประเทศจีน

โดยปกติคนจีนซื้อขายสินค้าผ่านทางออนไลน์ทั่วไปที่เรียกว่า “E-Commerce” อยู่แล้ว โดยช่องทางปกตินี้จะมีกฎระเบียบและกติกาที่ชัดเจน มีแพลตฟอร์มหลักๆ ได้แก่ Tmall.com ของ Alibaba Taobao.com ของ Alibaba และ JD.Com ส่วนช่องทางซื้อขายสินค้าใหม่ของ “Cross Border E-Commerce” นั้น ได้แก่ Tmall Global ของ Alibaba Grope หรือ JD Worldwide ของ JD.com ไม่ว่าจะเป็นช่องทางปกติกับพิเศษนั้นยังคงเป็นการซื้อขายจากธุรกิจสู่ผู้บริโภค (B2C) และจากธุรกิจสู่ธุรกิจ (B2B) เหมือนเดิม แต่การซื้อขายผ่านแพลตฟอร์ม Cross Border E-Commerce นั้น มีขั้นตอนที่สะดวก รวดเร็วและการตรวจสอบไม่เข้มข้นเท่ากับการซื้อขาย e-Commerce แบบปกติ

::#CrossborderE-Commerceคืออะไร?::

Cross border E-Commerce หรือ การซื้อการขายสินค้าผ่านระบบอีคอมเมิร์ซข้ามพรมแดน เป็นการนำเข้าส่งออกสินค้าจากประเทศต่าง ๆ ที่มีการซื้อขายผ่านออนไลน์ผ่านแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซซึ่งมีทั้งในรูปแบบของ B2B (จากผู้ประกอบการสู่ผู้ประกอบการ) และ B2C (จากผู้ประกอบการสู่ผู้บริโภค) กำลังกลายเป็นโอกาสใหม่ทางการค้าออนไลน์ในจีน ที่รัฐบาลจีนมีมาตรการสนับสนุนการค้าออนไลน์นี้ชัดเจน ซึ่งผู้ประกอบการไทยก็มีโอกาสและไม่ควรพลาด

::#ขนาดของตลาด E-Commerce ในประเทศจีน::

ตลาด E-Commerce ของจีนนับเป็นที่น่าจับตามอง ปัจจุบันตลาด E-Commerce มีขนาดใหญ่ และยังสามารถขยายตัวอย่างต่อเนื่องจากการสนับสนุนเชิงนโยบายจากรัฐบาลจีน ซึ่งจากข้อมูลรายงานสถิติการใช้อินเตอร์เนตของชาววจีนเมื่อเดือน ธ.ค. ปี 2018 พบว่า​ จำนวนผู้ใช้อินเทอร์เนตในจีนมีประมาณ 830 ล้านคน คิดเป็นร้อยละ 60 ของประชากรทั้งหมด โดยเป็นผู้ใช้ผ่านมือถือจำนวน 817 ล้านคน เป็นผู้อาศัยอยู่ในเมืองร้อยละ 73 อาศัยอยู่นอกเมืองร้อยละ 28 ซึ่งส่วนใหญ่ของผู้ใช้อินเทอร์เน็ตเป็นเพศชายร้อยละ 53 และเพศหญิงร้อยละ 47 และยังพบว่า จำนวนนักช็อปออนไลน์มีจำนวน 610 ล้านคน เป็นผู่ช็อปผ่านมือถือจำนวน 592 ล้านคน ซึ่งถือเป็นตลาดออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก

::#ข้อดีของการซื้อขายสินค้าผ่านแพลตฟอร์ม Cross border E-Commerce::

จีนได้ออกกฎระเบียบ Cross Border E-Commerce Import (CERI) ตั้งแต่ปี 2016เพื่ออำนวยความสะดวกในการซื้อสินค้าจากต่างประเทศผ่านช่องทางออนไลน์โดยมีการลดหย่อนภาษีเมื่อเทียบกับการนำเข้าปกติ หรือการนำเข้าที่ไม่ผ่านแพลตฟอร์ม E-commerce ข้ามพรมแดน กล่าวคือ การนำเข้าแบบปกติจะต้องชำระภาษีนำเข้ากับภาษีการบริโภคตามประเภทสินค้า และภาษีมูลค่าเพิ่ม 17% แต่สำหรับการนำเข้าผ่านช่องทาง E-commerce ข้ามพรมแดนจะได้รับการยกเว้นภาษีนำเข้า ส่วนภาษีมูลค่าเพิ่มและภาษีการบริโภคชำระเพียง 70% ของการนำเข้าปกติเท่านั้น โดยได้มีการกำหนดโควตาต่อคนไม่เกิน 5,000 หยวนต่อการซื้อหนึ่งครั้งและรวมทั้งหมดไม่เกิน 26,000 หยวนต่อปี หากซื้อสินค้ามูลค่าเกินกว่าโควตาจะต้องเสียภาษีในอัตราเท่ากับอัตรานำเข้าที่เสียกรณีการนำเข้า

::#แพลตฟอร์มอีคอมเมริ์ซข้ามแดนที่ควรรู้จัก::

แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซสำหรับเจาะเข้าหากลุ่มนักช้อปข้ามพรมแดนในจีนมีอะไรบ้างที่เป็นที่นิยม

::TMall::
เป็นแพลตฟอร์มในกลุ่มอาลีบาบาที่ค่อนข้างแพง ถ้าคุณอยากจะขายของใน Tmall ต้องมีเงินทุนสูง มีอิมเมจแบรนด์ที่ชัดเจนและทำยอดขายได้ดี ค่อนข้างมีชื่อเสียง ถ้าเพิ่งเริ่มทำธุรกิจ แพลตฟอร์มนี้อาจไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีสำหรับมือใหม่

::XiaoHongShu หรือ Little Red Book::
ค่อนข้างแตกต่างจากแพลตฟอร์มอื่นๆ เล็กน้อยเพราะเป็นแอปโซเชียลมีเดีย ผสม แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ เปิดตัวในปี 2014 แต่มีฐานผู้ใช้มากกว่า 25 ล้านคน สินค้าที่ได้รับความนิยมในแพลตฟอร์มนี้คือ สินค้าความงามและเครื่องสำอางเพราะทาร์เก็ตคือ หญิงสาวอายุระหว่าง 18-30 ปี และเหมาะสำหรับแบรนด์ขนาดเล็กที่ต้องการทำธุรกิจที่จีน

::Yangmatou::
เปิดตัวในปี 2009 เป็นแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซข้ามพรมแดนรายแรกในประเทศจีน นำเสนอสินค้าค่อนข้างหลากหลาย แต่เน้นไปที่ผลิตภัณท์ยอดนิยมอย่างเช่นผลิตภัณฑ์สำหรับเด็ก ผลิตภัณฑ์เสริมความงาม,ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร เสื้อผ้ารองเท้าและกระเป๋าถือ ทั้งมีคำอธิบายอย่างละเอียด มีความน่าเชื่อถือ รับประกันได้ว่าเป็นของแท้ มียอดผู้ใช้งานมากกว่า 1 ล้านคน

::Wechat store::
อีกทางเลือกหนึ่งคือการใช้ WeChat Stores เป็นเครื่องมือที่ดีที่สุดและมีประสิทธิภาพมากที่สุด นอกจากนี้การชำระเงินยังทำได้สะดวกและรวดเร็ว เปอร์เซ็นต์ของผู้ใช้ WeChat ที่ซื้อสินค้าจากร้านค้าของ WeChat ได้เพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัวจาก 15% ในปี 2015 เป็น 31% ในปี 2016

::#การจัดการสินค้าและระยะเวลาการจัดส่งแพลตฟอร์ม Cross border E-Commerce::

การซื้อขายผ่านแพลตฟอร์ม Cross border E-Commerce โดยทั่วไปจะสต็อกสินค้าไว้ที่คลังสินค้าในจีน (Bonded Warehouse) เมื่อผู้บริโภคชาวจีนส่งคำสั่งซื้อสินค้าจากแพลตฟอร์ม CBEC แล้ว สินค้าจะผ่านกระบวนการพิธีการศุลกากรและโลจิสติกส์อย่างรวดเร็ว ผู้บริโภคจะได้รับสินค้าภายใน 4-7 วัน ขณะที่การสั่งซื้อสินค้าผ่านระบบออนไลน์แบบปกติจะใช้เวลามากกว่า 15 วัน

::#โอกาสและความท้าทายของผู้ประกอบการฮาลาลของไทย::

ความท้าทายของผู้ประกอบการไทยในสมรภูมิการค้า ในจีนเป็นเรื่องของการสร้างแบรนด์ให้เข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคเป้าหมาย (รวมถึงเรื่องลิขสิทธิ์แบรนด์) การสร้างความแตกต่างให้กับผลิตภัณฑ์สินค้าเหนือคู่แข่ง (เน้นคุณภาพ) การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีเพื่อผลลัพธ์ทางการตลาด รวมทั้งการพัฒนาระบบบริหารจัดการและแผนการตลาดเพื่อรับมือกับการแข่งขันที่ทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น

อย่างไรก็ดี การเปิดตลาด Cross border E-Commerce ของจีนเป็นโอกาสสำคัญของผู้ประกอบการสินค้าฮาลาลและสินค้าทั่วไปของไทยที่จะก้าวเข้าไปมีส่วนร่วมสร้างการเติบโตของการค้าระหว่างประเทศผ่านช่องทาง e-Commerce ในตลาดที่มีศักยภาพบนแผ่นดินมังกร

……………………………………………..……..
ที่มา : https://www.thaibizchina.com/

http://www.thansettakij.com/content/240077
https://thanawat.co/2017/08/16/cross-border-ecommerce/
https://techsauce.co/tech-and-biz/smes-thai-china-e-commerce/

……

“อะยัมบอย AYAMBOY”

หากพูดถึงแฟรนไชส์ขายไก่ทอด หลายๆท่านคงจะนึกภาพออกว่า หน้าตาของอาหารจะออกมาในรูปแบบไหน เราต่างคุ้นเคยกับแบรนด์ผู้พันธ์ชื่อดังที่กระจัดกระจายอยู่ทุกซอกมุมโลก

ในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ พื้นที่ที่เต็มไปด้วยวิถีชุมชน วิถีฮาลาล ได้ถือกำเนิดแบรนด์แฟรนไชส์ไก่ทอดขึ้นในนาม “อะยัมบอย” เจ้าของแบรนด์เป็นมุสลิมที่โตในพื้นที่ จึงมีความเข้าใจต่อวัฒนธรรมการกินของคนสามจังหวัดเป็นอย่างดี โดยได้เปิดร้านสาขาแรกขึ้นที่จังหวัดยะลา เมื่อธุรกิจเริ่มเติบโตขึ้น ได้ขยายสู่การเป็นธุรกิจแฟรนไชส์ เพื่อส่งเสริมการสร้างงานสร้างรายได้ในพื้นที่ต่างๆ ปัจจุบันมีร้านค้าแฟรนไชส์อะยัมบอยตามชุมชนต่างๆในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้กว่า 20 สาขา

หากมีท่านใดที่สนใจลงทุน หรืออยากสอบถามเพิ่มเติม
สามารถเข้าไปพูดคุยได้ที่เพจ : AyamBoy Halalfood

คุณซอลาฮุดดีน ยีแสม เจ้าของธุรกิจ
เบอร์ : 0807088819

–ติดตามเรื่องราวของนักธุรกิจแฟรนไชส์ทั้ง 15 รายที่ผ่านการคัดเลือก ได้ที่–

เพจ:ศูนย์วิทยาศาสตร์ ฮาลาล จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (สำนักงานปัตตานี)
IG:halalsciencepn
#ฝากกดไลคกดแชร์ให้ด้วยนะครับ
#SME #Halal #Franchise #HSC

“เสือร้องไห้ By Vaheda จ.นราธิวาส”

#แฟรนไชน์ฮาลาลชายแดนใต้

ทักทายทุกคนในช่วงเวลาเย็นๆแบบนี้นะคะ สำหรับใครที่เลิกงานแล้วไม่รู้จะไปไหนดี!!! ทีม BIHABS ขอเชิญชวนทุกท่านมาเที่ยวงานเมาลิดกลางจังหวัดยะลากันนะคะ งานจัดขึ้นที่สำนักงานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดยะลา ต.ท่าสาป อ.เมือง จ.ยะลา ระหว่างวันที่ 21-30 เมษายน 2562 ภายในงานมีบูธร้านค้าจำหน่ายสินค้าเยอะแยะมากมาย ร่วมถึงบูธ Halal Expo ของศูนย์วิทยาศาสตร์ฮาลาล จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยด้วยค่ะ

วันนี้ทีมงาน BIHABS จึงขอนำเสนอธุรกิจแฟรนไชส์ฮาลาล ที่ผ่านการคัดเลือกในหลักสูตร Key Success To The Best Halal Franchise ที่เข้าร่วมโครงการกับทางศูนย์ฯ ที่ตอนนี้กำลังเปิดบูธขายในงานเมาลิดกลางยะลา ร่วมถึงบูธอื่นๆที่ผ่านการคัดเลือก ด้วยแฟรนไชส์จากจังหวัดนราธิวาส “เสือร้องไห้ By Vaheda จ.นราธิวาส”

เสือร้องไห้ By Vaheda เมนูเสือร้องไห้ที่รสชาติจัดจ้าน มีรูปแบบการจัดร้าน การเสริฟและการบริการที่มีสไตล์พร้อมสูตรน้ำจิ้มที่สืบทอดมาตั้งแต่บรรพบุรุษ
เห็นแบบนี้แล้วเย็นนี้อย่าลืมแวะไปเที่ยวงานเมาลิดและแวะช้อป ชิม แชะ ที่งานกันนะคะ

เพจ: TIGER CRY เสือร้องไห้ By Vaheda
คุณโยฮัน สตออุมา:เจ้าของธุรกิจ
เบอร์:0895998544

–ติดตามเรื่องราวของนักธุรกิจแฟรนไชส์ทั้ง 15 รายที่ผ่านการคัดเลือก ได้ที่–

เพจ:ศูนย์วิทยาศาสตร์ ฮาลาล จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (สำนักงานปัตตานี)
IG:halalsciencepn
 #ฝากกดไลคกดแชร์ให้ด้วยนะคะ