จะเป็นนะญิสหรือไม่ ? ถ้าอาหารที่รับประทานปนเปื้อนนะญิส (สิ่งสกปรก)

:: คำถาม ::
ถ้าให้แมวกินอาหารที่หะรอม (เช่น หมูหรือเนื้อหะรอมอื่น ๆ ) ตัวแมวเองจะ “นะญิส” (สิ่งสกปรกตามบัญญัติอิสลาม)หรือไม่? สิ่งใดก็ตามที่มันสัมผัสหรือเลียจะเป็นนาญิสด้วยหรือไม่? ถ้าคนต้องกินสิ่งที่หะรอมหรือสิ่งที่ไม่สะอาด เขาจะกลายเป็นคนที่ไม่บริสุทธิ์(นะญิส)ด้วยหรือไม่? ขออัลลอฮฺทรงตอบแทนท่านด้วยครับ

:: คำตอบ ::
แมวจะไม่เป็นนะญิส (สิ่งสกปรกตามบัญญัติอิสลาม) อันเนื่องจากกินอาหารที่มีนะญิส ข้อชี้ขาดเดียวกันนี้จะใช้กับสิ่งมีชีวิตอื่นด้วยไม่ว่าจะเป็นมนุษย์หรือสัตว์ สิ่งมีชีวิตใดก็ตามจะไม่เป็นนะญิสเพียงเพราะบริโภคสิ่งไม่อนุมัติหรือสิ่งที่เป็นนะญิส (ตามหลักการ) และสิ่งที่มันสัมผัสก็จะไม่เป็นนะญิสเช่นกัน …

แมวจะไม่เป็นนะญิส (สิ่งสกปรกตามบัญญัติอิสลาม) อันเนื่องจากกินอาหารที่มีนะญิส ข้อชี้ขาดเดียวกันนี้จะใช้กับสิ่งมีชีวิตอื่นด้วยไม่ว่าจะเป็นมนุษย์หรือสัตว์ สิ่งมีชีวิตใดก็ตามจะไม่เป็นนะญิสเพียงเพราะบริโภคสิ่งไม่อนุมัติหรือสิ่งที่เป็นนะญิ ส(ตามหลักการ) และสิ่งที่มันสัมผัสก็จะไม่เป็นนะญิสเช่นกัน …

เชค คอลีล นักนิติศาสตร์จากสำนักคิด (มัซฮับ) มาลิกียฺได้รวบรวมสิ่งต่าง ๆ ที่ไม่เป็นนะญิสที่กล่าวในหนังสือ “อัล-มุคตะศ็อร” “น้ำตา เหงื่อ น้ำลาย น้ำมูก และไข่ของมันไม่ใช่นะญิส แม้ว่ามันจะกินอาหารที่มีนะญิสก็ตาม”

อิหม่าม นะนาวีย์ กล่าวว่า “น้ำที่เหลือจากการดื่มของแมวในภาชนะนั้นไม่ใช่นะญิส แม้ว่าจะไม่ชอบใช้น้ำที่เหลือนี้ก็ตาม และข้อชี้ขาดเดียวกันนี้ใช้กับน้ำที่เหลือจากการดื่มของสัตว์อื่น ๆ ด้วยเช่นกัน ข้อชี้ขาดนี้นำมาใช้กับสัตว์ที่เนื้อของมันจะเป็นที่อนุมัติหรือไม่อนุมัติในการรับประทาน เหงื่อและน้ำที่เหลือของสัตว์ทุกตัวนั้นบริสุทธิ์ แม้ว่าไม่ชอบที่จะนำมาใช้ก็ตาม ยกเว้น น้ำที่เหลือจากสุนัข หมู และลูกผสมที่เกิดจากพวกมันทั้งสอง” มัจญฺมูอฺ อัล-ฟะตาวา

ไม่ว่าแมวกินที่กินอาหารนะญิสจะเลียหรือคนที่บริโภคสิ่งต้องห้ามอะไรก็ตาม เช่น แอลกอฮอล์หรือการสัมผัสสุกรนั้นไม่ได้ทำให้เป็นนะญิสนอกจากจะปรากฎ “นะญิสที่ชัดเจน” เช่น ในปากของแมว มือของคน หรือมีความชัดเจนว่าปากหรือมือนั้นเปื้อนนะญิส หากเป็นเช่นนั้น อะไรก็ตามที่แมวเลียหรือคนสัมผัสด้วยมือจะเป็นนะญิสทันที (มินะห์ อัล-ญะลีล อะลา มุคตะศ็อร)

คอลีล อัล-มะลีกียฺ กล่าวว่า “หากมีการพิสูจน์ว่ามีนะญิสอยู่ในปากหรือมือของคนที่ดื่มสุราโดยใช้การสังเกตหรือรายงานที่เชื่อถือได้ ดังนั้นจึงยืนยันได้ว่ามือและปากนั้นมีนะญิส เช่นเดียวกับสัตว์ที่ไม่ได้หลีกเหลี่ยงจากสิ่งนะญิสต่าง ๆ อย่างเช่น แมวช่วงระหว่างที่กินน้ำ ถ้าแมวเลียน้ำ สี รสและกลิ่นของมันมีการเปลี่ยนแปลง ดังนั้นมันจึงเป็นนะญิสอย่างชัดเจน แต่ถ้าน้ำไม่มีการเปลี่ยนแปลง ก็ไม่สามารถที่จะใช้น้ำนี้ได้หากน้ำมีปริมาณที่น้อย สำหรับอาหาร ถ้าแมวเลียอาหารไม่ว่าจะเป็นของแข็งหรือของเหลวมันจะเป็นนะญิสเช่นกัน”

อิบนุ ตัยมียะฮฺ กล่าวว่า “ถ้าแมวกินหนูหรือสิ่งที่เป็นนะญิส (สิ่งสกปรกตามบัญญัติอิสลาม) น้ำลายของมันจะบริสุทธิ์เมื่อช่วงเวลาผ่านไปเนิ่นนานแล้ว นี่คือทัศนะที่แข็งแรงที่สุดของบรรดานักนิติศาสตร์อิสลามในประเด็นนี้ โดยที่สานุศิษย์กลุ่มหนึ่งของอิหม่ามอะหฺมัดและอิหม่าม อบู หะนีฟะฮฺยึดถือทัศนะนี้ ข้อชี้ขาดเดียวกันนี้นำมาใช้กับปากของเด็กและแมวด้วยเช่นกัน” (อัล-ฟะตาวา)

สรุป แมวและสัตว์อื่น ๆ จะไม่เป็นนะญิสโดยกินสิ่งต้องห้ามหรืออาหารที่มีนะญิสปนเปื้อนแต่เพียงเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม มีข้อสังเกตว่า บรรดาผู้รู้มีทัศนะที่แตกต่างกันไม่ว่าจะอนุญาตหรือไม่ชอบที่จะให้อาหารนะญิสกับสัตว์ก็ตาม ทัศนะที่แข็งแรงกว่านั้นอนุญาต ซึ่งได้รับการยึดถือโดยผู้ที่ดำเนินตามสำนักคิดทางนิติศาสตร์ของฮัมบาลียฺและบรรดาผู้ที่เห็นพ้องกับเรื่องนี้ ผู้รู้สำนักคิดฮัมบาลียฺท่านหนึ่ง อัล-บุฮูตียฺ กล่าวว่า “ถ้าสัตว์จะยังไม่ถูกเชือดหรือรีดนมอีกไม่นาน การให้อาหารที่มีนะญิสกับมันถือว่าเป็นที่อนุมัติ”

สำหรับสัตว์ที่จะถูกเชือดอีกไม่นาน ในสำนักคิดทางนิติศาสตร์ฮัมบาลียฺถือว่าเป็นที่ต้องห้ามที่จะให้อาหารนะญิสกับพวกมัน เพราะว่ามันจะกลายเป็น “ญัลลาละฮฺ” (สัตว์ที่กินสิ่งสกปรก) ซึ่งเนื้อของมันเป็นที่ต้องห้ามในการบริโภคตามความเห็นของสำนักคิดทางนิติศาสตร์ฮัมบาลียฺ ….

………………………………………
ฝ่ายบริการวิชาการ ศวฮ. สำนักงานปัตตานี แปลและเรียบเรียง
ข้อมูลจาก Islam Q&A