BIHAPS WEEKLY EP. 8
อัสลามูอาลัยกุมฯ สวัสดีค่ะ BIHAPS WEEKLY
ขอทักทายผู้อ่านทุกท่าน และขอต้อนรับเข้าสู่เดือนเมษายนหน้าร้อนที่สดใส ถึงอากาศจะร้อน ก็อย่าให้ใจเราร้อนตามสภาพอากาศนะคะ พูดถึงหน้าร้อนแล้ว ผู้อ่านทราบมั้ยค่ะว่าตอนนี้ทั่วโลกกำลังเผชิญกับสภาวะโลกร้อน ไม่เว้นแม้แต่ดินแดนน้ำแข็งอย่างขั้วโลกเหนือ
ภาวะโลกร้อนกำลังก่อให้เกิดอันตรายต่อผู้คนและระบบนิเวศ ความจริงที่เราเห็นได้ก็คือ ธารน้ำแข็งที่กำลังละลาย น้ำแข็งขั้วโลกสลาย ชั้นดินเยือกแข็ง (Permafrost) ที่อุ่นขึ้น ปะการังที่กำลังตาย ระดับน้ำทะเลที่กำลังเพิ่มสูงขึ้น ระบบนิเวศที่กำลังเปลี่ยนแปลง และคลื่นความร้อนที่ทำให้ถึงแก่ความตายได้
ไม่ใช่นักวิทยาศาสตร์เท่านั้นที่กำลังเป็นประจักษ์พยานของความเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ ตั้งแต่ชนเผ่าอินูอิท (หรือที่คนส่วนใหญ่รู้จักในชื่อ เอสกิโม พวกเขาสืบเชื้อสายมาจากชนพื้นเมืองในเอเชียที่อพยพข้ามสะพานแผ่นดินในยุคแข็งเมื่อ 13,000 ปีก่อน) ในทวีปอาร์กติกทางตอนเหนือสุด จนถึงชาวเกาะใกล้เส้นศูนย์สูตรผู้คนกำลังดิ้นรนเพราะผลกระทบจากภาวะโลกร้อน
ทั้งหมดที่กล่าวมาเป็นเพียงการเริ่มต้นเท่านั้น เรากำลังประสบกับภาวะโลกร้อนที่อันตรายแล้ว และเราต้องลงมือกระทำเพื่อหลีกเลี่ยงภาวะโลกร้อนอันเป็นหายนะ ในขณะที่ยังไม่ทราบถึงผลกระทบทั้งหมดในระดับภูมิภาค ผลกระทบต่อไปนี้มีแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นหากเรายังปล่อยให้สภาพในปัจจุบันดำเนินต่อไป
หากท่านผู้อ่านเป็นผู้ประกอบการ มีกิจการ หรือเป็นผู้บริโภค ธุรกิจสีเขียว (Green Business) เป็นทางเลือกที่น่าสนใจ เพราะจะมีส่วนช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมของชุมชน ประเทศชาติ และโลกใบนี้ ดีอย่างไรนั้น ลองอ่านบทความต่อไปนี้กันเลย
ธุรกิจสีเขียว (Green Business) หมายถึงการใช้การบริหารทุกทรัพยากรให้ถูกใช้ไปอย่างคุ้มค่า เคียงคู่ไปกับการพยายามรักษาสิ่งแวดล้อมซึ่งก่อให้เกิดประโยชน์ต่อธุรกิจด้วย มีภาพพจน์เป็นมิตรที่ดีต่อสังคม ชุมชน ที่ควรได้รับการจัดการที่ดีขึ้นควบคู่กันไป การดำเนินธุรกิจของบริษัทหรือองค์กรไม่ควรที่จะทำให้เกิดผลกระทบในทางลบใดๆ ต่อสภาพแวดล้อมของชุมชน หรือท้องถิ่นก็ตาม Green Business ให้ความสำคัญต่อผลลัพธ์ทางธุรกิจ 3 ด้านที่สำคัญ คือ
People คือ ผลลัพธ์ที่จะเกิดต่อมนุษย์โลกที่เกี่ยวข้อง
Planet คือ ผลกระทบที่จะต้องเกิดต่อสิ่งแวดล้อม สภาวะทางอากาศ และการเปลี่ยนแปลงต่อธรรมชาติของโลกใบนี้นั่นเอง
Profit คือ ผลตอบแทนทางเศรษฐกิจที่จะเกิดขึ้นจากการทำธุรกิจที่ปรารถนาให้ประสบความสำเร็จ
ในปัจจุบันนี้เนื่องจากสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติได้ถูกทำลายลงไปมากมายมหาศาล มลถาวะทางอากาศของโลกร้อนมากขึ้น ซึ่งสาเหตุหนึ่งคือ การกระทำของมนุษย์ที่มีอิทธิพลสำคัญที่สุด เริ่มมาตั้งแต่ยุคอุตสาหกรรมร่วมกว่า 50 – 60 ปีที่ผ่านมา การจัดกิจกรรมดำเนินธุรกิจโดยเฉพาะภาคอุตสาหกรรมทำให้ความเข้มข้นของแก๊สเรือนกระจกในบรรยากาศเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จากเมื่อประมาณ 10 กว่าปีก่อนหน้านี้ อุณหภูมิร้อนที่สุดเฉลี่ย 33 องศาเซลเซียส และในปัจจุบันมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ผลจากความร้อนนี้ส่งผลกระทบต่อทุกภาคส่วนบนโลกใบนี้ รัฐบาลของประเทศต่างๆ เริ่มตื่นตัวและรับทราบถึงผลกระทบที่เกิดขึ้น อีกทั้งยังพร้อมเพรียงกันให้ความร่วมมือเพื่อแก้ไขปัญหาต่างๆ เพื่อจะมีมาตรการทั่วทั้งโลกว่าควรมีมาตรฐานการจัดการอย่างไรให้เหมาะสม
ในทางเศรษฐกิจมีส่วนได้รับผลกระทบกับการแปลงภูมิอากาศนี้ด้วยเช่นกัน ดังนั้นจึงควรมีการจัดการที่มีมาตรฐาน การดำเนินการของภาคเศรษฐกิจที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจให้กลายเป็น ธุรกิจสีเขียว (Green Business) ให้ได้โดยมีการวางกลยุทธ์และทิศทางให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน มีแนวทางหลักอยู่ 3 ประการ ที่ภาคธุรกิจไม่ว่าบริษัท หรือ ภาคอุตสาหกรรมต่างๆ ควรคำนึงถึงและยึดเป็นหลักการในการดำเนินธุรกิจของตนเอง
1. การลดการใช้อย่างสิ้นเปลืองลง หรือ การใช้ให้น้อยลง (Reduce) คือการลดการใช้ทรัพยากรต่างๆภายในองค์กร โดยการใช้ทรัพยากรต่างๆภายในองค์กร โดยการใช้ทรัพยากรให้เกิดคุณค่า และใช้อย่างคุ้มค่ากับราคาให้มากที่สุดก่อน เช่น ใช้มู่ลี่กันสาดป้องกันแสงแดดส่องกระทบตัวอาคาร และบุฉนวนกันความร้อนตามหลังคา เพื่อไม่ให้เครื่องปรับอากาศทำงานหนักจนเกินไป
2. การนำกลับมาใช้ใหม่ (Reuse) และการนำกลับไปใช้งานด้านอื่นที่ผ่านกระบวนการจัดการใหม่ก่อนนำไปใช้งาน (Recycle) มีความสำคัญที่ผู้บริโภคควรส่งเสริมธุรกิจประเภทนี้ และแนวโน้มในการส่งเสริมเป็นไปได้สูงมากเพราะผู้คนเริ่มตระหนักถึงแล้วว่าทรัพยากรสำคัญหลายอย่างถูกทำลายและต้องช่วยกันคนละไม้คนละมือในการอนุรักษ์ทรัพยากรที่มีอยู่ และฟื้นฟูที่เสียไป ตัวอย่างของธุรกิจประเภทนี้ เช่น การทำรายการส่งเสริมการขาย (Promotion) ของห้างสรรพสินค้า สนับสนุนให้ใช้ถุงผ้า หรือถุงพลาสติกเดิมมาใช้ใส่สินค้า โดยการเพิ่มส่วนลด แลก แจก แถมให้กับลูกค้า
3. การทำให้ทรัพยากรมีใช้อย่างเพียงพอด้วยการฟื้นฟู หรือการหาทางเลือกใหม่ที่ไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม หรือ มีผลกระทบให้น้อยที่สุดลงกว่าเดิมที่เคยเป็นมา ตัวอย่างเช่น โครงการฟื้นฟูและปรับปรุงแหล่งทรัพยากรธรรมชาติที่มีการนำมาใช้งาน ที่เห็นได้ชัดมากคือ กลุ่มธุรกิจการทำกระดาษ คือ เมื่อตัดต้นไม้แล้วก็จะมีการปลูกทดแทนโดยการปลูกคืนนั้นควรเพิ่มปริมาณให้มากขึ้นกว่าที่เสียไป
การพัฒนาเพื่อให้ธุรกิจก้าวไปสู่ธุรกิจสีเขียว (Green Business) หรือเป็นธุรกิจเชิงอนุรักษ์ธรรมชาตินั้น ต้องอาศัยทักษะ ความรู้ ทรัพยากร เทคโนโลยีที่มีอยู่แล้วนำมาผสมผสานอย่างรังสรรค์กับการอนุรักษ์ด้วยแนวทางที่มีอยู่แล้วเข้ากับแนวทางของกลุ่มองค์กรธุรกิจนั้นๆเอง ให้เกิดเป็นทิศทางเฉพาะของธุรกิจหนึ่งๆ โดยปกติการทำธุรกิจสีเขียว (Green Business) ได้สร้างผลประโยชน์โดยตรงแก่ธุรกิจอยู่แล้วในการลดต้นทุนการผลิต ผลิตภัณฑ์ และบริการ และเมื่อธุรกิจใดที่สร้างแบรนด์ธุรกิจสีเขียวขึ้นมาแล้วนั้นมีการประกาศให้ทราบเป็นการทั่วไปเพื่อให้สาธารณชนได้มีส่วนร่วมผลักดันอันจะทำให้เป็นที่ยั่งยืนต่อไปในอนาคต สิ่งที่ตัวองค์กรจะได้รับกลับมานั้นคือ การยอมรับและการส่งเสริมจากสังคม
วิธีการทั้งหมดจะไม่ได้ผลเลย ถ้าขาดการประชาสัมพันธ์ที่ดี เมื่อคุณลองปรับเปลี่ยนตามวิธีการข้างต้นแล้ว ก็อย่าลืมนำเรื่องราวเหล่านั้นมาเล่าให้ลูกค้าฟัง ให้เขารู้ว่าคุณรักษ์โลกอย่างไรบ้าง และเป็นมิตรกับชุมชนอย่างไร ข้อมูลเหล่านี้จะช่วยสร้างมูลค่าให้แก่ธุรกิจ และปรับภาพลักษณ์ให้ธุรกิจของคุณกลายเป็นธุรกิจสีเขียวมากขึ้น ซึ่งการสร้างการรับรู้มีตั้งแต่การเล่าเรื่อง หรือไม่ก็เพิ่มช่องทางการจำหน่ายผ่านทางชุมชนให้คนพื้นที่เป็นคนช่วยเล่า ช่วยบอกในสิ่งที่เขามีส่วนร่วม เท่านี้ธุรกิจของคุณก็กลายเป็นธุรกิจสีเขียวได้ง่าย ๆ แล้ว
…………………………………………………………………
บทความโดย อัสลินดา ระเด่นอาหมัด
BIHAPS หรือ หน่วยบ่มเพาะวิสาหกิจ ผลิตภัณฑ์และบริการฮาลาล (Business Incubator of Halal Products and Services)
ศูนย์วิทยาศาสตร์ฮาลาล จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ( สำนักงานปัตตานี )
อ้างอิง https://th.wikipedia.org
http://www.greenpeace.org