บุหรี่ไฟฟ้า :
ของเหลวในบุหรี่ไฟฟ้ามักทำจากนิโคติน โพรพิลีนไกลคอล กลีเซอรีนและสารปรุงแต่งกลิ่นรส
แน่นอนว่ามันปลอดภัยกว่าหากจะกระโดดออกจากหน้าต่างที่สูงห้าชั้นหากเทียบกับการกระโดดออกจากหน้าต่างที่สูงยี่สิบชั้น แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้การกระโดดออกจากหน้าต่างนั้นมีความปลอดภัยแต่อย่างใด
หลักชะรีอะฮ์ในอิสลามได้บัญญัติห้ามไม่ให้มนุษย์ใช้สิ่งต่าง ๆ ที่อาจเป็นอันตรายต่อพวกเขาไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม ไม่ว่าจะเป็นอันตรายทันทีทันใดหรือค่อย ๆ เป็นอันตรายจนนำไปสู่ความตายภายหลัง สร้างความเสียหายต่อร่างกาย หรือส่งผลให้เกิดอาการเจ็บป่วยและเป็นอันตรายต่อสภาพจิตใจ
ท่านศาสนทูตมุฮัมมัดได้กล่าวว่า: “เท้าของลูกหลานอาดัมจะไม่ขยับไปไหนจาก ณ ที่อัลลอฮ์ในวันกิยามะฮ์จนกว่าจะถูกถามถึง 5 ประการด้วยกัน จะถูกถามถึงชีวิตของเขาว่าเขาใช้หมดไปกับอะไร และวัยหนุ่มของเขาว่าใช้กับอะไร และทรัพย์สินของเขาว่าได้มาจากที่ไหนและใช้จ่ายไปอย่างไร และจะถูกถามถึงสิ่งใดบ้างที่เขาได้ปฏิบัติไปในสิ่งที่รู้มา” (บันทึกการรายงานโดยติรมิซีย์)
ด้วยเหตุนี้ ตามหลักศาสนาอิสลามสุขภาพของเรานับว่าเป็นประหนึ่งของขวัญจากพระผู้เป็นเจ้าที่ประทานมาให้มนุษย์ ชะรีอะฮ์จึงบัญญัติห้ามไม่ให้เราทำของขวัญชิ้นนี้เสียหายด้วยการกระทำที่ขาดการยั้งคิด เช่น การสูบบุหรี่ไฟฟ้า เป็นต้น
ทั้งศาสนาอิสลามและวิทยาศาสตร์ยอมรับว่าบุหรี่ไฟฟ้าเป็นอันตรายต่อสุขภาพ มีงานวิจัยเล็ก ๆ ที่พบว่าผู้สูบบุหรี่ไฟฟ้าอาจเสี่ยงต่อโรคปอดและโรคหลอดเลือดต่าง ๆ จากรายงานของ แอนดรูว์ มาสเตอร์สัน (Andrew Masterson) ในนิตยสารคอสมอส (Cosmos Magazine)
ข้อโต้แย้งที่ว่าบุหรี่ไฟฟ้าเป็นตัวแทนของการบริโภคนิโคตินในรูปแบบที่ปลอดภัย จากการศึกษาพบว่าการสูบบุหรี่ไฟฟ้าอาจกระตุ้นการตอบสนองของระบบภูมิคุ้มกันที่ไม่ปกติ อีกทั้งยังสร้างผลลัพธ์ที่เป็นอันตรายต่อปอดเช่นเดียวกับบุหรี่ทั่วไป
การศึกษาขนาดเล็กชิ้นนี้ได้รับการตีพิมพ์ในวารสารการแพทย์อเมริกันสำหรับการศึกษาโรคระบบการหายใจและเวชบำบัดวิกฤต (American Journal of Respiratory and Critical Care Medicine) ซึ่งผู้เขียนก็ยอมรับว่างานชิ้นนี้ยังมีข้อจำกัดอย่างมีนัยสำคัญ
คณะนักวิจัยซึ่งนำโดยนักพยาธิวิทยา เมห์เมด เคสิเมอร์ (Mehmet Kesimer) แห่งมหาวิทยาลัยนอร์ทแคโรไลนา แชเปิลฮิลล์ (University of North Carolina at Chapel Hill) ในสหรัฐอเมริกา ได้ทำการเก็บตัวอย่างเสมหะของผู้สูบบุหรี่ไฟฟ้าจำนวน 15 คน ผู้สูบบุหรี่ทั่วไปจำนวน 14 คน และผู้ที่ไม่สูบบุหรี่จำนวน 15 คน
ผู้สูบบุหรี่ไฟฟ้าและบุหรี่ทั่วไปแสดงผลลัพธ์ให้เห็นถึงระดับที่เพิ่มขึ้นของสารบ่งชี้ทางชีวภาพอย่างน้อยสองตัว คือ ไทโอรีดอกซิน (Thioredoxin: TXN) และเมตริกซ์เมทัลโลโปรตีนเนส-9 (Matrix Metalloproteinase-9: MMP9) ซึ่งสัมพันธ์กับภาวะเครียดจากการออกซิเดชัน (oxidative stress) และกลไกการป้องกันที่เชื่อมโยงกับโรคปอด
.
กลุ่มตัวอย่างทั้งสองกลุ่มนี้ยังแสดงผลลัพธ์ของค่าวัดระดับการหลั่งเยื่อเมือกที่สำคัญของมิวซินคัดหลั่งชนิด Mucin 5AC ซึ่งเป็นเยื่อเมือกระดับเดียวกับที่โรคหอบหืดและโรคหลอดลมอักเสบสามารถหลั่งออกมาในระดับที่สูงได้ขนาดนี้
อย่างไรก็ตาม ผู้สูบบุหรี่ไฟฟ้ายังพบระดับของโปรตีนที่สูงขึ้นอีกสองชนิดจากเม็ดเลือดขาวชนิดนิวโตรฟิล ซึ่งชนิดของเม็ดเลือดขาวที่ทำหน้าที่ต่อสู้กับเชื้อโรค แต่ในกรณีที่มีการผลิตมากเกินไป ผู้ป่วยอาจประสบโรคปอด เช่น โรคซิสติกไฟโบรซิส หรือโรคหลอดลมพอง
นอกจากนี้ยังพบโปรตีนจากนิวโตรฟิลชนิดกับดักที่ทำจากเส้นใยดีเอ็นเอที่มีโปรตีนต่อต้านจุลินทรีย์ซึ่งผูกติดอยู่กับมัน (Neutrophil Extracellular Traps: NETs) พบอยู่บริเวณนอกปอดของผู้สูบบุหรี่ไฟฟ้า นักวิทยาศาสตร์ยังพบเนื้อเยื่อที่เสียหายรอบ ๆ เส้นเลือดและอวัยวะต่าง ๆ ณ บริเวณดังกล่าว ซึ่งจากกรณีนี้มันสามารถพัฒนาอาการให้รุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ จนนำไปสู่โรคต่าง ๆ เช่น โรคหลอดเลือดอักเสบและโรคสะเก็ดเงิน
:: งานวิจัยเพิ่มเติม ::
“ความสับสนที่เกิดขึ้นกับบุหรี่ไฟฟ้าว่าแท้จริงแล้วมันมีความปลอดภัยกว่าบุหรี่ทั่วไปหรือไม่นั้นเป็นเนื่องมาจากผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากการสูบบุหรี่ไฟฟ้านั้นยังอยู่ในกระบวนการศึกษาในระดับเริ่มต้นเท่านั้น” เคสิเมอร์ กล่าว
“จากผลลัพธ์ในงานศึกษาของเรามีข้อบ่งชี้ว่าบุหรี่ไฟฟ้าอาจเลวร้ายเทียบเท่าบุหรี่ทั่วไป” คณะวิจัยของเคสิเมอร์ ระบุว่ามูลค่าของการศึกษาวิจัยนี้มีขนาดเล็กและจำกัด เนื่องจากสมาชิกของกลุ่มตัวอย่างจำนวน 12 คนของผู้ที่สูบบุหรี่ไฟฟ้ากล่าวว่า พวกเขาเคยสูบบุหรี่ทั่วไปมาก่อนในอดีต
อย่างไรก็ตาม ผลการศึกษาที่มีก็เพียงพอแล้วที่จะสร้างความตระหนักและเล็งเป้าไปยังจุดที่ต้องมีการสืบสวนและศึกษาต่อไป “การเปรียบเทียบความอันตรายของบุหรี่ไฟฟ้ากับบุหรี่ทั่วไปก็เหมือนกับการเปรียบเทียบผลแอปเปิ้ลกับผลส้ม” เคสิเมอร์ กล่าว
“ข้อมูลของเราแสดงให้เห็นว่าบุหรี่ไฟฟ้านั้นมีสัญญาณที่แสดงถึงความอันตรายที่บรรจุในปอด เป็นความอันตรายที่มีทั้งความคล้ายคลึงและมีลักษณะเฉพาะ ผลลัพธ์นี้ได้ท้าทายแนวคิดที่จะเปลี่ยนจากการสูบบุหรี่ทั่วไปเป็นการสูบบุหรี่ไฟฟ้าด้วยความเข้าใจว่ามันเป็นทางเลือกที่มีความอันตรายต่อสุขภาพน้อยกว่า”
การสูบบุหรี่ไฟฟ้ามีอัตราเพิ่มขึ้นอย่างมากเนื่องจากสมมติฐานที่ว่ามันมีความปลอดภัยกว่า ในปี 2016 เจ้ากรมการแพทย์แห่งประเทศสหรัฐอเมริกา รายงานว่าในช่วงห้าปีที่ผ่านมาอัตราการสูบบุหรี่ไฟฟ้าได้เพิ่มขึ้นกว่า 900% ในหมู่นักเรียนมัธยมปลาย
………………………………………
ฝ่ายบริการวิชาการ ศวฮ. สำนักงานปัตตานี แปลและเรียบเรียง
ที่มา: aboutislam.net