รอมฎอน: ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการเลิกสูบบุหรี่

ครั้งหนึ่งผมจำได้อย่างเต็มตา ผมเคยเห็นอิหม่ามสูบบุหรี่สองสามเฮือกสุดท้ายในขณะที่เดินเข้าไปในมัสยิดเพื่อเป็นผู้นำในการละหมาดซุฮฺร

ในอีกมัสยิดหนึ่ง ผู้สูบบุหรี่เข้าร่วมละหมาดในมัสยิดและยืนอยู่ข้าง ๆ ผม ผมคิดว่าเช่นเดียวกันกับอิหม่าม เพื่อนข้างผมคนนี้เพิ่งสูดเอากลุ่มควันจากบุหรี่เข้าปอดก่อนที่จะเข้ามาละหมาดในมัสยิด

กลิ่นฉุนของบุหรี่รบกวนผมมาก มันยากสำหรับผมที่จะมีสมาธิกับการละหมาด หลังจากนั้น ผมก็ไม่สามารถทนรับกลิ่นนี้ได้อีก ผมจึงย้ายออกไปร่วมละหมาดในแถวหลัง

ผมเคยมีประสบการณ์อันไม่พึงประสงค์เช่นนี้ในมัสยิดมาหลายครั้งหลายหน

ผมเคยเห็นพ่อสูบบุหรี่ในรถที่เต็มไปด้วยสมาชิกครอบครัวอย่างเปิดเผยโดยให้สมาชิกในครอบครัวคนอื่น ๆ ได้เห็น รวมถึงทารกที่ต้องสูดเอาควันบุหรี่มือสองเข้าไปด้วย การกระทำที่ไม่รับผิดชอบเช่นนี้ยังมีความเสี่ยงที่อาจจะเกิดเพลิงไหม้ในยานพาหนะ

ผมเคยเห็นวัยรุ่นคีบแท่งก่อมะเร็งระหว่างปากของพวกเขาขณะที่ขับขี่รถจักรยานยนต์ การกระทำของเยาวชนเหล่านี้ทำให้สุขภาพของพวกเขา(และคนอื่น ๆ )มีความเสี่ยง พวกเขาผลาญเงินของผู้ปกครองและก่อมลภาวะในชั้นบรรยากาศ

สถาบันการศึกษามีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมความสามารถและบ่มเพาะผู้นำในอนาคต น่าเสียดายที่มหาวิทยาลัยหลายแห่ง(และแม้แต่โรงเรียนมัธยม) ได้กลายเป็นสวรรค์สำหรับการสูบบุหรี่

ปัจจัยที่มีส่วนร่วมบางประการคือความกดดันจากกลุ่มเพื่อน และการเข้าถึงบุหรี่ได้ง่าย ยิ่งไปกว่านั้นบางคนที่เสพติดนิโคตินก็เพราะเป็นการเลียนแบบพฤติกรรมของพ่อแม่

– ปัญหาลุกลาม –
ผมมั่นใจว่า ผมไม่ได้เป็นผู้เดียวที่ประสบกับสถานการณ์เหล่านี้ พฤติกรรมการสูบบุหรี่ได้แทรกซึมเข้าสู่ผู้คนทุกระดับและทุกวิชาชีพ

ในขณะที่ผู้สูบบุหรี่สามารถสร้างมลภาวะในที่สาธารณะได้ แต่สิทธิของผู้ไม่สูบบุหรี่ในการสูดอากาศที่สะอาดบริสุทธิ์และไม่ถูกรบกวนจากควันบุหรี่มือสองนั้นกลับถูกล่วงละเมิดเป็นประจำ

สิทธิของเด็กในสภาพแวดล้อมที่ดีต่อสุขภาพและประโยชน์ทางด้านสุขภาพของพวกเขาถูกฝ่าฝืน ในหลายกรณีผู้กระทำผิดเป็นพ่อแม่ของพวกเขาเอง

ในเรื่องที่เกี่ยวกับผู้สูบบุหรี่ในช่วงวัยรุ่น เงินของพวกเขาในการหาซื้อบุหรี่มาจากพ่อแม่ที่ตามใจ สิ่งนี้ชี้ให้เราเห็นถึงการเลี้ยงดูที่น่าเศร้าของพ่อแม่หลาย ๆ ครอบครัวในสังคม

– การแสวงหาผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ –
ผู้สูบบุหรี่ที่เป็นผู้ใหญ่จำนวนมากไม่ได้มีการศึกษาสูงและอยู่ในกลุ่มผู้มีรายได้น้อย รายได้ส่วนใหญ่ของพวกเขาใช้จ่ายไปกับบุหรี่และการรักษาโรคที่เกิดจากการบริโภคยาสูบ นี่เป็นหนึ่งในรูปแบบที่เลวร้ายที่สุดของการแสวงหาผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจจากคนจนโดยบริษัทยาสูบที่ร่ำรวยและบริษัทข้ามชาติที่ดำเนินงานข้ามเส้นแบ่งเขตทางภูมิศาสตร์

สำหรับความเสียหายของผู้บริโภค มีการโปรโมตการออกกำลังกายนานนับสิบปีโดยเฉพาะโฆษณาที่หลอกลวงว่าสามารถเยียวยาและชำระล้างพิษร้ายจากการสูบบุหรี่

ประเทศร่ำรวยผู้ผลิตบุหรี่ส่วนใหญ่ได้กำหนดห้ามโฆษณา และมีข้อจำกัดทางกฎหมายเกี่ยวกับการบริโภคยาสูบโดยเฉพาะในสถานที่สาธารณะ และจะเป็นหัวข้อที่น่าสนใจสำหรับการวิจัยเพื่อค้นคว้าว่าพวกเขาลดปริมาณการผลิตบุหรี่ลงในประเทศของพวกเขาหรือไม่ หากไม่แล้วข้อสรุปเชิงตรรกะคือพวกเขาใช้ประเทศอื่น ๆ ในการปล่อยบุหรี่เหล่านั้นและรับเงินตราต่างประเทศ นี่เป็นยุทธศาสตร์ของจักรวรรดิใหม่และปรับเปลี่ยนชื่อบุหรี่ให้เป็น “ทาสขาวตัวน้อย ๆ”

น่าเสียดายที่ในโลกปัจจุบันประเทศส่วนใหญ่ของชาวมุสลิมอยู่ในช่วงสิ้นสุดการแสวงหาผลประโยชน์จากการทำกำไรทางเศรษฐกิจ งานวิจัยปี 2549 ในหัวข้อ “อิทธิพลของศาสนาอิสลามต่อการสูบบุหรี่ในหมู่ชาวมุสลิม” ตีพิมพ์ในวารสารการแพทย์ของอังกฤษแสดงให้เห็นว่าประเทศที่บริโภคยาสูบมากที่สุดในโลก ได้แก่ เยเมน อินโดนีเซีย ตูนิเซีย และกินี

– ตระหนักอย่างเดียวยังไม่เพียงพอ –
ผู้สูบบุหรี่ส่วนใหญ่ตระหนักถึงผลกระทบที่เป็นอันตรายของนิสัยการเสพติดของพวกเขา ดังนั้นการสร้างความตระหนักผ่านการศึกษาจึงไม่ใช่สิ่งที่เราต้องทำอีกแล้ว

เพราะสิ่งที่ต้องการในขณะนี้คือการห้ามสูบบุหรี่และการบังคับใช้อย่างเข้มงวด

– อิสลามและการสูบบุหรี่ –
ประการสำคัญ พฤติกรรมการเสพติด เช่น การสูบบุหรี่และการดื่มสุรา ไม่ว่าจะเป็นการเสพเนื่องจากเป็นทางเลือกในการดำเนินชีวิตหรือเป็นปัจจัยที่ช่วยลดความเครียดนั้นไม่สามารถเป็นยอมรับได้ในอิสลาม

อิสลามไม่อนุญาตให้มีการสูบบุหรี่หรือดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ด้วยสาเหตุดังกล่าว มันไม่เป็นที่ยอมรับตามหลักการอิสลามที่จะใช้วิธีปฏิบัติดังกล่าวเพื่อบรรเทาความเครียดในชีวิต

ในอิสลาม “สุขภาพเป็นความไว้วางใจ(อามานะฮฺ)จากผู้เป็นเจ้าที่ควรได้รับการปกป้องดูแลและเสริมสร้างปรับปรุงให้แข็งแรงเพื่อให้สามารถบรรลุวัตถุประสงค์ในการสร้างของผู้เป็นเจ้า” (Jamal Badawi)

ดังนั้น ศาสนาอิสลามจึงห้ามไม่ให้มีการประพฤติปฏิบัติที่ใด ๆ ก็ตามที่ไม่ดีต่อสุขภาพ รวมไปถึงการสูบบุหรี่ที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพของตนเองหรือของผู้อื่น

การพิจารณาในแง่มุมทางด้านร่างกาย จิตใจ การเสพติด และการเงินของการสูบบุหรี่โดยอยู่บนพื้นฐานของอัลกุรอานตามบทและโองการต่าง ๆ เช่น 2:195, 4:29, 7:31 และ 17:26-27 ชัยคฺ ยูสุฟ อัล เกาะราะฎอวีย์ ได้มีคำวินิจฉัยดังต่อไปนี้

ไม่มีทางที่นักวิชาการคนใดสามารถออกคำวินิจฉัยอนุญาตให้สูบบุหรี่หลังจากได้รับข้อมูลหลักฐานทางการแพทย์ที่หนักแน่นถึงอันตรายที่เกิดขึ้น ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานทางการแพทย์และทางวิทยาศาสตร์จำนวนมาก …

เป็นที่ชัดเจนแล้วว่าคำวินิจฉัยห้ามนั้นมีความถูกต้องมากกว่าและมีหลักฐานที่แข็งแรงกว่า … ดังนั้นเราต้องยืนยันว่าการสูบบุหรี่นั้นเป็นสิ่งต้องห้ามอย่างแน่นอน

– คว้าโอกาสในช่วงรอมฎอน –
รอมฎอนได้มาถึงแล้ว เดือนอันศักดิ์สิทธิ์นี้เป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดโดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับชาวมุสลิมที่จะละทิ้งลักษณะนิสัยที่น่ารังเกียจของการพ่นควันเช่นเดียวกับที่จะหักห้ามการสูบบุหรี่อย่างเด็ดขาด

ผมหวังว่ารัฐบาลของประเทศที่มีประชากรมุสลิมเป็นชนส่วนใหญ่จะใช้โอกาสในช่วงเดือนนี้เพื่อเริ่มต้นกระบวนการห้ามสูบบุหรี่โดยสิ้นเชิง

หากบางประเทศสามารถดำเนินการเป็นแบบอย่างได้ หวังว่าประเทศอื่น ๆ อีกจำนวนมากจะทำตามผู้นำที่อาจหาญและเด็ดขาดนี้

………………………………………
ฝ่ายบริการวิชาการ ศวฮ. สำนักงานปัตตานี แปลและเรียบเรียง
ข้อมูลจาก aboutislam.net โดย Dr. Md. Mahmudul Hasan