“การเก็บเนื้อกุรบาน (อุฎฮิยะฮ์) เป็นเวลานานเป็นสิ่งที่อนุมัติหรือไม่”

:: คำถาม ::
อัสสะลามุอะลัยกุม การเก็บเนื้อกุรบาน (อุฎฮิยะฮ์)จนเลยช่วงอีดไปเป็นสิ่งที่อนุมัติหรือไม่ หรือกล่าวในอีกแง่หนึ่งคือถูกต้องหรือไม่ในทรรศนะของอิสลามการที่คนหนึ่งเก็บเนื้อกุรบานไว้เกินกว่าสามวัน

:: คำตอบ ::
ด้วยพระนามของอัลลอฮฺผู้ทรงเมตตา ผู้ทรงกรุณา
มวลการสรรเสริญเป็นของอัลลอฮฺ ขอความสันติและความเมตตาจงมีแด่ท่านนบี (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม)

น้องสาวในอิสลาม ประการแรกเรายินดีที่จะกล่าวว่าเราประทับใจยิ่งกับคำถามของท่าน ซึ่งเกิดจากใจอันบริสุทธิ์ ขออัลลอฮฺผู้ทรงยิ่งใหญ่โปรดช่วยเหลือพวกเราให้ยึดมั่นอยู่ในหลักการอิสลาม และได้ให้พวกเราอยู่ร่วมกับกลุ่มชนชาวสวรรค์ในวันโลกหน้า อามีน

นักวิชาการส่วนใหญ่มีความเห็นว่าอนุญาตให้เก็บเนื้อกุรบาน (อุฎฮียะฮฺ) เกินกว่าสามวัน

ในการตอบคำถามของท่าน ดร.ฮุซาม อัดดีน อิบนุมูซา อะอ์ฟานา ศาสตราจารย์ด้านอุศูลุลฟิกฮ์จากมหาวิทยาลัยอัลกุดส์ ประเทศปาเลสไตน์กล่าวไว้ดังนี้

เป็นที่รับรู้ว่าตามหะดีษเศาะฮีฮฺของท่านนบี (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม) ได้ห้ามมุสลิมมิให้เก็บเนื้ออุฎฮียะฮฺ แต่ต่อมาท่าน (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม) ได้อนุญาตให้เก็บได้ นั่นหมายความว่าการห้ามเก็บเนื้ออุฎฮียะฮฺถูกยกเลิกไป นี่เป็นความเข้าใจของนักวิชาการส่วนใหญ่

ต่อไปนี้เป็นส่วนหนึ่งของหะดีษที่เกี่ยวกับประเด็นนี้
1- อับดุลลอฮฺ อิบนุอบีบักร์รายงานจาก อับดุลลอฮฺ อิบนุวากิดซึ่งเล่าว่าท่านเราะสูล (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม) ได้ห้ามการรับประทาน (เก็บ) เนื้อกุรบานเกินสามวัน อับดุลลอฮฺ อิบนุอบีบักร์กล่าวว่า “ฉันเอ่ยเรื่องนี้ให้แก่อัมเราะฮฺ ซึ่งนางกล่าวว่า “เขา (อับดุลลอฮฺ อิบนุวากิด) พูดความจริง ฉันเคยได้ยินอาอิฉะฮ์มารดาแห่งศรัทธาชนกล่าวว่า “ในสมัยท่านนบี (ยังมีชีวิต) ได้มีอาหรับทะลทรายที่ยากจนค่อยๆเดินมุ่งไปยังที่เชือดกุรบานในช่วงอีดอัฎฮา ท่านนบี (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม) ได้กล่าว “จงเก็บเนื้อเป็นเวลาสามวัน หลังจากนั้นส่วนที่เหลือจงแจกจ่ายเพื่อเป็นเศาะดาเกาะฮฺ” เมื่อผ่านไประยะเวลาหนึ่งบรรดาเศาะฮาบะฮฺได้กล่าวว่า “โอ้ท่านเราะสูล มีคนจำนวนมากได้ทำถุงน้ำใส่น้ำและชำแหละเอาไขมันของมันไป” ท่านนบีจึงถามว่า “ทำไมกัน” พวกเขากล่าวว่า “ท่านห้ามกินเนื้อสัตว์กุรบานเกินสามวัน” ท่านนบีจึงกล่าวว่า “ก่อนหน้านี้ที่ฉันห้ามพวกท่านเพราะอาหรับทะเลทรายจำเป็นต้องได้รับบริโภคมัน แต่ตอนนี้พวกท่านจงกิน จงเก็บไว้และจงแจกจ่าย (บริจาค)” (มุสลิม)

2- สะละมะฮฺ บินอัลอักวะอ์ (ขออัลลอฮฺพึงพอใจท่าน) เล่าว่าท่านนบี (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม) เคยกล่าวว่า “ใครก็ตามที่เชือดอุฎฮิยะฮฺจะต้องไม่เหลือสิ่งใดในบ้านของพวกเขาหลังจากนั้นสามวัน” ในปีต่อมาบรรดาเศาะฮาบะฮฺพากันถามว่า “โอ้ศาสนทูตของอัลลอฮฺ จะให้เราปฏิบัติเหมือนกับที่เราปฏิบัติในปีที่ผ่านมาหรือไม่” ท่านตอบว่า “ไม่ เพราะปีที่ผ่านมานั้นประชาชนประสบกับความแร้นแค้นและฉันต้องการให้พวกท่านช่วยเหลือพวกเขาด้วยเนื้อนั้น” (อัลบุคอรีย์)

3- อบูสะอีด อัลคุดรียฺยกคำพูดของท่านเราะสูลลุลลอฮฺ (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม) โดยกล่าวว่า” โอ้ประชาชนแห่งมะดีนะฮฺ อย่าได้รับประทานเนื้อกุรบานเกินสามวัน” บรรดาเศาะฮาบะฮฺพากันรำพึงต่อท่านนบี (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม) ว่าพวกเขามีลูกๆและมีทาสรับใช้ที่ต้องให้อาหารพวกเขา ด้วยเหตุนี้ที่นบี (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม) จึงกล่าวว่า “จงกิน และแจกจ่ายผู้อื่นและเก็บ (เนื้อกุรบาน) ไว้” (มุสลิม)

มีหะดีษอีกจำนวนมากที่รายงานในลักษณะคล้ายกัน ตามทรรศนะของนักวิชาการส่วนใหญ่รวมทั้งบรรดาชาวสลัฟในยุคแรกมีความเห็นว่า ในทรรศนะของอิสลามนั้นถือว่าอนุญาตให้เก็บเนื้ออุฎฮิยะฮฺเกินสามวันได้ เนื่องจากความเห็นที่ตรงกันข้ามถูกยกเลิกไป

อัลลอฮฺทรงรู้ดียิ่ง 

………………………………………
ฝ่ายบริการวิชาการ ศวฮ. สำนักงานปัตตานี แปลและเรียบเรียง
ข้อมูลจาก aboutislam.net

#อีดอัฎฮา#ศูนย์วิทยาศาสตร์ฮาลาลจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยสำนักงานปัตตานี

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องที่ต้องการถูกทำเครื่องหมาย *