คำตอบที่เพื่อนแพทย์ของเราได้ให้ไว้มีดังนี้
เป็นที่ทราบกันดีว่าคนที่รับประทานอาหารโดยขาดสมดุลในเดือนรอมฎอนจะก่อให้เกิดปัญหาทางสุขภาพหลายประการ เช่น หมดเรี่ยวแรง อาการซึมเศร้า ปวดท้อง อาการท้องอืด และความดันโลหิตต่ำ และเป็นสิ่งที่ไม่ถูกหากไม่ยอมตื่นขึ้นมารับประทานอาหาร “สะฮูร” (การรับประทานก่อนรุ่งอรุณ) หรือการบริโภคอาหารที่เต็มไปด้วยไขมันในช่วงเวลาดังกล่าว ดังนั้น จึงไม่สมควรที่จะรับประทานหลายอย่างและมากเกินไปในช่วงเวลาละศีลอด (อิฟฏอร) หรือรับประทานอาหารจานด่วนหรืออาหารที่ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็วและดื่มน้ำไม่พอเพียง สำหรับอิฟฏอรและซะฮูรนั้นอาหารเบาๆ ที่อุดมไปด้วยเส้นใยและผักจะต้องได้รับการบริโภคมากกว่าอาหารที่หนักและมีแต่ไขมัน
เคล็ดลับเพื่อสุขภาพที่ดีสำหรับเดือนรอมฎอนมีดังนี้
1. เอาใจใส่ในการตระเตรียมตารางรายการในการละศีลอด ซึ่งควรเป็นอาหารที่สมดุลมีสารอาหารครบถ้วนสำหรับความต้องการด้านอาหารของร่างกาย
2. จงเริ่มละศีลอดด้วยอาหารเบาๆและจำนวนน้อย การกินอย่างตะกละจะทำให้ท้องตึง ในกรณีนี้ จะทำให้เกิดการปวดกระเพาะและลำไส้ เช่น อาหารไม่ย่อย อาการหนักกระเพาะอาหาร สภาพเป็นกรด อาการจุกเสียดท้อง คลื่นไส้ ท้องผูกและสำไส้บวม เพราะการถือศีลอดจะต้องละศีลอดด้วยอาหารอย่างเช่นอินทผลัม ชีส มะเขือเทศ มะกอกและขนมปังข้าวสาลีหรือจะเป็นอาหารเบาๆ อย่างเช่น ซุป จานผักที่มีเนื้อ และปล่อยให้ย่อยหลังจากนั้น 15-20 นาทีแล้วตามด้วยอาหารไขมันต่ำ เนื้อย่าง ถั่ว ผัก สลัด โยเกิร์ต เป็นต้น
3. จงเลือกอาหารที่มีค่าดรรชนีน้ำตาลต่ำ เช่น ข้าวสาลีอบ ขนมปังโฮลวีตหรือพาสต้าโฮลวีต (เป็นอาหารที่มีคุณสมบัติดังกล่าวและเป็นอาหารที่หาได้ง่ายในพื้นที่…ผู้แปล) มากกว่าอาหารที่มีค่าดรรชนีน้ำตาลสูง ซึ่งจะเร่งให้ระดับน้ำตาลกลูโคสในเลือดเพิ่มอย่างรวดเร็ว เช่น ขนมปังขาวและข้าวอบ
4. รับประทานอย่างช้าๆแล้วเคี้ยวอาหารให้ละเอียด
5. ช่วงเวลาอิฟฏอรต้องรับประทานอาหารแบบเบาๆ ที่ปรุงด้วยการย่าง ต้ม หรืออบไอน้ำ มากกว่าการทอดและอาหารไขมันสูง
6. รับประทานของหวานเป็นนมดีกว่าของหวานหนัก ๆ
7. ดื่มน้ำหรือเครื่องดื่ม 2-2.5 ลิตรหรือเครื่องดื่มในช่วงเวลาค่ำถึงเช้ามืด
8. หากต้องการรับประทานอาหารระหว่างมื้อควรเลือกเป็นผลไม้
9. ควรดื่มน้ำชาและกาแฟหนึ่งหรือสองชั่วโมงหลังจากรับประทานอาหาร เนื่องจากมันจะทำให้ความสามารถในการดูดซึมธาตุเหล็กลดลง
10. อย่าคิดว่าอาหารมื้อค่ำเพียงมื้อเดียวจะเพียงพอสำหรับการถือศีลอดตลอดทั้งวัน จงตื่นขึ้นมาเพื่อรับประทานอาหารสะฮูร โดยการรับประทานอาหารที่ไม่ต้องมาก ช่วงระหว่างการอดอาหารในเวลาหลายชั่วโมงระดับน้ำตาลในเลือดและความดันโลหิตจะลดลง การหลั่งกรดในท้องที่ว่างเปล่าก็จะเพิ่มขึ้นตามเวลาที่ยืดออกไปของการอดอาหารในแต่ละวัน อัตราการเผาผลาญลดลง ทำให้ขาดพลังงานจนเกิดอาการปวดหัว ดังนั้นการรับประทานอาหารช่วงสะฮูรจะต้องไม่ถูกมองข้ามไป เพื่อจะได้ไม่เกิดความหิวในช่วงกลางคืนและกลางวัน
11. การรับประทานอาหารสะฮูรในปริมาณมากและหลายอย่างนับว่าเป็นเรื่องวิกฤตอย่างยิ่ง เพราะอัตราการเผาผลาญอาหารในช่วงสะฮูรนั้นจะช้าลง อาหารหนักซึ่งบริโภคในช่วงเวลานั้นส่วนใหญ่จะถูกเปลี่ยนเป็นไขมัน นอกจากนั้นแล้วใครก็ตามที่รับประทานอาหารหนักๆหลังจากนั้นแล้วเข้านอน สุดท้ายแล้วเขาอาจเกิดอาการปวดท้องรุนแรงได้ ดังนั้นควรรับประทานอาหารเบาๆอาหารที่มีไขมันต่ำ อาหารที่อุดมไปด้วยโปรตีนซึ่งเพียงพอต่อความต้องการของร่างกายในแต่ละวันและมีน้ำตาลเชิงซ้อน (Complex Sugar) ซึ่งพบในพืชประเภทข้าว ถั่ว ผัก ที่จะไม่ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงอย่างรวดเร็ว
มื้อเบาๆที่ประกอบไปด้วยนม ชีส มะกอก ขนมปังธัญพืช ซุป มะเขือเทศ แตงกวา พริก แยมหรืออาหารที่มีนม เกล็ดข้าวโอ๊ต ผลไม้ (อาหารที่หาได้ง่ายในพื้นที่…ผู้แปล) นั้นถือว่ามีความเหมาะสมมากที่สุด การดื่มน้ำประมาณ 2-2.5 ลิตร เนื่องจากไม่สามารถดื่มน้ำได้ตลอดทั้งวัน ดังนั้นต้องบริโภคน้ำให้มากๆในช่วงรับประทานสะฮูร
……………………………………………………..
ฝ่ายบริการวิชาการ ศวฮ. สำนักงานปัตตานี แปลและเรียบเรียง
ข้อมูลจาก http://www.myreligionislam.com/