“ผลิตภัณฑ์โคเชอร์ (อาหารชาวยิว) ฮาลาลหรือไม่?”

หลายบริษัทในประเทศไทยทำการผลิตอาหารฮาลาล อาหารโคเชอร์และระบบมาตรฐานอื่นๆในโรงงานอุตสาหกรรมผลิตอาหาร วันนี้เรามาเรียนรู้เรื่องอาหารโคเชอร์ในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับอาหารฮาลาล จากการตอบคำถามของหน่วยงานรับรองฮาลาล อเมริกา INFANCA ที่ได้ตอบคำถามในเรื่องนี้ไว้อย่างน่าสนใจ

นี่เป็นคำถามที่นาน ๆ ครั้งจะถูกถามขึ้นมา เราจึงขอใช้เวลาสำหรับอธิบายรายละเอียดที่สำคัญเพื่อตอบคำถามนี้ ในอิสลาม ฮาลาล หมายถึง ‘ถูกต้องตามหลักการอิสลาม’ หรือ ‘ได้รับอนุญาต’ ซึ่งมีขอบข่ายกว้างขวางไปยังทุกเรื่องของชีวิตไม่ใช่แค่เพียงอาหารเท่านั้น ดังนั้นแนวทางคำสอนของอิสลามจึงต้องมีการกล่าวถึงอาหารที่บริสุทธิ์ การแต่งงานกับบุคคลที่มีสายเลือดห่างไกลจากสายเลือดของตนเอง และการมีความสัมพันธ์ฉันท์สามีภรรยาของคู่สมรสในระหว่างช่วงเวลากลางคืนในเดือนรอมฎอน สิ่งดังกล่าวข้างต้นล้วนเป็นสิ่งที่ฮาลาล ในทำนองเดียวกันการกล่าวถึงเนื้อสุกร การแต่งงานกับพี่หรือน้องร่วมสายเลือด และการมีความสัมพันธ์ฉันท์สามีภรรยาของคู่สมรสในระหว่างช่วงเวลารุ่งอรุณจนถึงดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้าเช่นเดียวกับการงดกินงดดื่มอาหารในช่วงเดือนรอมฎอนต่างก็เป็นสิ่งที่หะรอม ในความเป็นจริงแล้วการกระทำใด ๆ ก็ตามที่จิตสำนึกความเป็นมนุษย์รับรู้ว่าเป็นสิ่งที่น่าละอายล้วนถือว่าเป็นสิ่งหะรอม

เมื่อพูดถึงเนื้อสัตว์และสัตว์ปีก มุสลิมใช้คำ ‘ซะบีฮะฮฺ’ (dhabiha) เพื่ออ้างถึงเนื้อสัตว์จากสัตว์ฮาลาลที่ถูกเชือดโดยมุสลิมตามแนวทางที่อิสลามกำหนด(เนื้อจากสัตว์หะรอมไม่สามารถเปลี่ยนเป็นฮาลาลแม้ว่าจะถูกเชือดตามแนวทางที่อิสลามกำหนดไว้ และมุสลิมจะไม่เชือดสัตว์หะรอม) ตรงกันข้ามกับ ‘โคเชอร์’ (kosher) ซึ่งเป็นคำที่เกี่ยวข้องเฉพาะกับอาหารเท่านั้น มีความหมายเช่นเดียวกับฮาลาลในบริบทของอาหาร แต่ยังมีความแตกต่างอีกมากมายในรายละเอียดข้อกำหนด โดยบางส่วนของความแตกต่างดังกล่าว มีดังนี้

• อิสลามไม่อนุญาตสิ่งมึนเมาทั้งหมด รวมทั้งแอลกอฮอล์ เหล้า และไวน์ ในขณะที่ศาสนายูดายถือว่าเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และไวน์เป็นอาหารโคเชอร์ ดังนั้นอาหารโคเชอร์อาจมีแอลกอฮอล์เป็นส่วนผสม หากผู้ผลิตกระทำเช่นนั้นถือว่าเป็นสิ่งหะรอมในศาสนาอิสลาม
.
• เจลาติน ถือว่าเป็นโคเชอร์โดยไม่ต้องคำนึงถึงแหล่งที่มา สำหรับมุสลิมหากเจลาตินที่ได้มาจากสุกรนั้นเป็นที่หะรอม แม้กระทั่งเจลาตินที่ได้มาจากวัวที่ไม่ผ่านการซะบีฮะฮฺนักวิชาการอิสลามจำนวนมากถือว่าเจลาตินเหล่านี้เข้าข่ายหะรอมเช่นกัน

• การปฏิบัติตามหลักโคเชอร์ ไม่จำเป็นสำหรับชาวยิวที่ต้องกล่าวพระนามของผู้เป็นเจ้าในขณะทำการเชือดสัตว์ แต่สำหรับมุสลิมจำเป็นต้องกล่าวพระนามของอัลลอฮฺต่อสัตว์ทุกชนิดในขณะที่ทำการเชือดสัตว์

นอกจากนี้ยังมีความแตกต่างอื่น ๆ ระหว่างฮาลาลและโคเชอร์ ซึ่งทำให้ผลิตภัณฑ์โคเชอร์บางชนิดเป็นที่หะรอม หรืออยู่ในหมวดหมู่ต้องสงสัยสำหรับการบริโภคของมุสลิม

ความแตกต่างเหล่านี้อาจดูเหมือนเล็กน้อยสำหรับบางคน อย่างไรก็ตามการปล่อยตัวปล่อยใจไปตามความใคร่อยากทั้งในด้านพฤติกรรมหรือด้านอาหารเป็นสิ่งที่หะรอม ซึ่งเป็นความผิดที่ร้ายแรงมากต่ออัลลอฮฺ การบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หรือผลิตภัณฑ์ที่ได้มาจากสุกร คือ การละเมิดบัญญัติของอัลลอฮฺอย่างชัดแจ้ง และไม่ควรดูแคลนการกล่าวพระนามของอัลลอฮ ในขณะที่เชือดสัตว์ ซึ่งแท้จริงแล้วเป็นการเคารพสักการะและเชื่อฟังในสิทธิของตนเองที่มีต่อพระองค์ คำกล่าวนี้ไม่เพียงแต่หมายถึงการเคารพสักการะผู้ทรงสูงส่งในตัวมันเองเท่านั้น แต่ยังเป็นกุญแจสำคัญในการได้รับความจำเริญและโปรดปรานที่เพิ่มพูนทบทวี มุสลิมและผู้ที่มิใช่มุสลิมต่างก็สามารถลิ้มรสถึงความแตกต่างจากเนื้อสัตว์ที่ถูกเชือดด้วยความเมตตาและมีมนุษยธรรม และเนื้อของสัตว์ที่ถูกเชือดด้วยวิธีที่การดังกล่าวโดยเนื้อแท้แล้วได้มาจากวิธีการที่ปฏิบัติต่อสัตว์ต่าง ๆ ด้วยความเมตตา

ฝ่ายบริการวิชาการ ศวฮ. สำนักงานปัตตานี แปลและเรียบเรียง
แหล่งที่มา http://www.ifanca.org/

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องที่ต้องการถูกทำเครื่องหมาย *