อาหารประเภทใดที่นำมาจ่ายเป็นซะกาตฟิฏเราะฮฺ ?

ซะกาต ฟิฏเราะฮฺจ่ายมาจากอาหารหลัก เช่น ข้าวสาลี ข้าวโพด ข้าวสาร ถั่วต่าง ๆ พาสต้า (ชื่ออาหารชนิดหนึ่ง) เนื้อสัตว์ เป็นต้น ท่านนบี มุฮัมมัด (ศ็อลลัลอฮุ อะลัยฮิ วะซัลลัม) กำหนด 1 ศออฺจากอาหาร (1 ศออฺ มีปริมาณเท่ากับ 2.76 กิโลกรัม) และบรรดาเศาะฮาบะฮฺของท่านเคยให้ซะกาตฟิฏเราะฮฺจากอาหารหลักในท้องถิ่น …

อิหม่ามบุคอรียฺ (1510) และอิหม่ามมุสลิม (985) รายงานว่า อบู ซะอีด อัล-คุดรียฺ (รดิยัลลอฮุ อันฮุ) กล่าวว่า “เราเคยจ่ายซะกาตฟิฏเราะฮฺในช่วงชีวิตของท่านนบี มุฮัมมัด (ศ็อลลัลอฮุ อะลัยฮิ วะซัลลัม)ในวันอีดิ้ลฟิตรียฺ 1 ศออฺจากอาหาร” อบู สะอีด อัล-คุดรียฺ กล่าวอีกว่า “และอาหาร (ท้องถิ่น) ของเราเป็น ข้าวบาเล่ย์ องุ่นแห้ง อิทผลัมและเนยแข็ง”

ตามรายงานอื่น ๆ เขากล่าวว่า เมื่อครั้งที่ท่านนบี มุฮัมมัด (ศ็อลลัลอฮุ อะลัยฮิ วะซัลลัม) อยู่ท่ามกลางพวกเรา เราเคยจ่ายซะกาตฟิฏเราะฮฺในนามตัวแทนของทุก ๆ คน ทั้งคนหนุ่มและคนชรา อิสระชนและทาส 1 ศออฺจากอาหาร 1 ศออฺจากเนยแข็ง 1 ศออฺจากข้าวบาเล่ย์ 1 ศออฺจากอินทผลัม หรือ 1 ศออฺจากองุ่นแห้ง

อุลามาอฺจำนวนหนึ่งอธิบายคำว่า “อาหาร” ในหะดีษนี้หมายถึงข้าวสาลี อุลามาอฺท่านอื่น ๆ มีทรรศนะว่าสิ่งนี้หมายถึงอาหารท้องถิ่น ไม่ว่าจะเป็นข้าวสาลี ข้าวโพด หรือสิ่งอื่น ๆ นี่คือทรรศนะที่ถูกต้อง เพราะว่าซะกาตคือวิธีการที่คนรวยช่วยเหลือคนจนและมุสลิมจำเป็นต้องช่วยเหลือด้วยอาหารหลักในประเทศของเขา ไม่ต้องสงสัยเลยว่าข้าวคืออาหารหลักในดินแดนหะรอม (มักกะฮฺและมะดีนะฮฺ)และมันเป็นอาหารที่ดีและมีคุณค่า ส่วนข้าวบาร์เลย์นั้นย่อมดีกว่าเพราะเป็นสิ่งที่ตัวบทกล่าวถึง เพราะฉะนั้นเป็นที่ทราบกันดีว่าไม่มีสิ่งใดผิดในการให้ข้าวเป็นซะกาตฟิฎเราะฮฺแต่อย่างใด อ้างจาก (มัจญฺมูอฺ ฟะตาวา ชัยคฺ บิน บาส 14/200)

ชัยคฺ อิสลาม อิบนุ ตัยมียะฮฺ (รฮิมาฮุลลอฮฺ) กล่าวในมัจญฺมูอ ฟะตาวา (25/68) ว่า “ถ้าคนในพื้นที่รับประทานอาหารหนึ่งซึ่งเป็นอาหารหลัก มันย่อมเป็นที่อนุมัติที่จะจ่ายเป็นซะกาตฟิฏเราะฮฺอย่างไม่ต้องสงสัย แต่คำถามคือว่าเขาสามารถให้อย่างอื่นแทนอาหารหลักได้หรือไม่? อย่างเช่นถ้าพวกเขารับประทานข้าวกับข้าวโพดเป็นหลัก พวกเขาสามารถให้ข้าวสาลีหรือข้าวบาร์เลย์ได้หรือไม่? หรือจ่ายได้เพียงแค่ข้าวและข้าวโพดเท่านั้น?

มีทรรศนะที่แตกต่างกันอย่างที่ทราบกันดีในเรื่องนี้ แต่ทรรศนะที่ถูกต้องมากที่สุดคือการให้ในสิ่งที่พวกเขารับประทานเป็นอาหารหลัก แม้ว่ามันจะไม่ได้อยู่ในประเภทต่าง ๆ ที่เอ่ยถึงก็ตาม นี่คือทรรศนะของอุลามาอฺส่วนใหญ่ อย่างเช่น อิหม่าม อัช-ชาฟิอียฺและคนอื่นๆ เนื่องจากหลักการพื้นฐานเกี่ยวกับการบริจาคนั้นถูกกำหนดเพื่อช่วยเหลือคนยากจน ดังที่อัลลอฮฺ ตะอาลา กล่าวว่า “การให้อาหารแก่คนยากจนบนความพอดีกับสิ่งที่พวกเจ้าให้อาหารกับครอบครัวของพวกเจ้าเอง”

สูเราะฮฺ อัล-มาอิดะฮฺ อายะฮฺ 89 ท่านนนบี มุฮัมมัด (ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะซัลลัม) กำหนด ซะกาต ฟิฏเราะฮฺ 1 ศออฺ ของอินทผลัม หรือ 1 ศออฺ ของข้าวบาร์เล่ย์ เนื่องจากมันเป็นอาหารหลักของชาวเมืองมะดีนะฮฺ หากว่าดังกล่าวนี้ไม่ใช่อาหารของพวกเขาแต่เป็นสิ่งอื่น ดังนั้นเขาจะไม่ถูกบังคับให้จ่ายสิ่งอื่นที่ไม่ได้เป็นอาหารหลัก ดังที่อัลลอฮฺมิได้สั่งใช้ในเรื่องนี้เป็นการจ่ายค่าชดเชย(ที่อ้างในสูเราะฮฺอัล-มาอิดะฮฺ อายะฮฺที่ 89)

อิบนุ ก็อยยิม กล่าวในหนังสือ “อิอฺลาม อัล-มุวักกิอีน” (3/12) ว่า “นั่นเป็นอาหารหลักที่รับประทานกันเป็นประจำในเมืองมะดีนะฮฺ แต่ถ้าอาหารหลักของคนในพื้นที่นั้นเป็นสิ่งอื่นนอกจากนั้น ดังนั้นพวกเขาจะต้องให้ 1 ศออฺจากอาหารหลัก เช่นอาหารหลักของพวกเขา คือข้าวโพด ข้าวหรือเมล็ดข้าวอื่นๆ ถ้าอาหารหลักของพวกเขาเป็นสิ่งอื่นนอกจากเมล็ดข้าว อย่างเช่น นมสด เนื้อหรือปลา พวกเขาจะต้องจ่ายซะกาตฟิฏเราะฮฺของพวกเขาด้วยอาหารหลักเหล่านี้ อย่างไรก็ตาม นี่คือทรรศนะของผู้รู้ส่วนใหญ่และเป็นทรรศนะที่ถูกต้องเพราะเป้าหมายเของมันจะต้องจัดการความจำเป็นของคนยากจนในวันอีด และจะต้องช่วยเหลือพวกเขาโดยให้อาหารหลักของคนในพื้นที่นั้น ๆ ด้วยเหตุนี้เองเป็นที่ยอมรับที่จะให้แป้งทำอาหาร(ในพื้นที่ที่ใช้เป็นอาหารหลัก)แม้ว่าจะไม่มีหะดีษศอฮี้ยที่เอ่ยถึงก็ตาม”

ชัยคฺ อิบนุ อุษัยมีน (รฮิมาฮุลลอฮฺ) กล่าวใน อัช-ชัรหฺ อัล-มุมติอฺ (6/183) ว่า ทรรศนะที่ถูกต้องคือสิ่งที่เป็นอาหารหลักไม่ว่าจะเป็นเมล็ดข้าว ผลไม้ เนื้อ และอื่น ๆ อันเป็นที่ยอมรับได้

………………………………………
ฝ่ายบริการวิชาการ ศวฮ. สำนักงานปัตตานี แปลและเรียบเรียง
ข้อมูลจาก Islam Q&A