“เนื้อสัตว์ที่ได้รับการเชือด โดย อะฮฺลุล กิตาบ (ชาวคัมภีร์)”

มีการพูดคุยกันมากมายในหมู่ผู้บริโภคมุสลิมไปจนถึงนักวิชาการอิสลามในประเด็นว่าด้วยข้ออนุมัติสำหรับการบริโภคเนื้อสัตว์ที่ได้รับการเชือดโดยอะฮฺลุล กิตาบ (ชาวคัมภีร์) ซึ่งหมายถึงชาวยิวและชาวคริสต์ โดยทั่วไปแล้วเนื้อสัตว์ที่ผ่านการเชือดโดยชาวยิวหรือชาวคริสต์เหล่านี้จะเรียกว่า เนื้อสัตว์ที่ผ่านการเชือดโดยอะฮฺลุล กิตาบ อย่างไรก็ตาม เนื้อสัตว์ประเภทนี้กลับไม่ได้รับการปฏิบัติตามกระบวนการเชือดตามหลักบทบัญญัติอิสลามที่กำหนดว่าเนื้อสัตว์ที่ฮาลาลจะต้องได้รับการกล่าววิงวอนหรือกล่าวนามของผู้เป็นเจ้าในระหว่างการเชือด

ในคัมภีร์อัลกุรอาน ประเด็นนี้ได้รับการกล่าวถึงเพียงครั้งเดียว ดังต่อไปนี้

“วันนี้ได้ถูกอนุมัติแก่พวกเจ้าแล้วซึ่งสิ่งที่ดีและมีประโยชน์ทั้งหลาย และอาหารของบรรดาผู้ที่ได้รับคัมภีร์นั้นเป็นที่อนุมัติแก่พวกเจ้า และอาหารของพวกเจ้าก็เป็นที่อนุมัติแก่พวกเขา” (สูเราะฮฺที่ 5 อายะฮฺที่ 5)

จากโองการข้างต้นนี้ได้กล่าวไปยังชาวมุสลิมภายใต้บริบททางสังคมที่ชาวมุสลิม ชาวยิว และชาวคริสต์ต้องปฏิสัมพันธ์ระหว่างกัน ซึ่งในโองการนี้ได้ชี้ให้เห็นถึงจุดสำคัญอยู่ 2 ประการ โดยประการแรก ได้แก่ “อาหารของบรรดาผู้ที่ได้รับคัมภีร์นั้นเป็นที่อนุมัติแก่พวกเจ้า” และประการที่สอง “อาหารของพวกเจ้าก็เป็นที่อนุมัติแก่พวกเขา”

เมื่อพิจารณาจากส่วนแรกของบทบัญญัติจะถือว่ามุสลิมได้รับอนุญาตให้บริโภคอาหารของชาวยิวและชาวคริสต์ได้ ตราบใดที่สิ่งเหล่านั้นไม่ไปละเมิดกับข้อความที่ได้รับการกล่าวไว้ในตอนต้นของโองการที่ว่า “วันนี้ได้ถูกอนุมัติแก่พวกเจ้าแล้วซึ่งสิ่งที่ดีและมีประโยชน์ทั้งหลาย”

ทรรศนะของนักวิชาการอิสลามส่วนใหญ่มีความเห็นว่าอาหารของอะฮฺลุล กิตาบ (ชาวคัมภีร์) ต้องเป็นไปตามเกณฑ์ที่กำหนดสำหรับอาหารฮาลาลและเป็นอาหารที่มีประโยชน์ รวมถึงกระบวนการเชือดสัตว์ที่เหมาะสม ซึ่งนักวิชาการเหล่านี้เชื่อว่าโองการดังต่อไปนี้จากคัมภีร์กุรอานได้ยืนยันถึงข้อกำหนดอันเคร่งครัดสำหรับการบริโภคอาหารของชาวมุสลิม

“และพวกเจ้าจงอย่าบริโภคจากสิ่งที่พระนามของอัลลอฮฺมิได้ถูกกล่าวไว้บนมัน และแท้จริงนั่นเป็นการฝ่าฝืน …” (สูเราะฮฺที่ 6 อายะฮฺที่ 121)

อย่างไรก็ตาม ทรรศนะของนักวิชาการอิสลามบางท่าน เช่น อัล-เกาะเราะฎอวีย์มีความเห็นว่า ข้อกำหนดในโองการนี้ไม่ได้นำไปใช้ภายใต้บริบทอาหารของอะฮฺลุล กิตาบ นักวิชาการเหล่านี้มีทรรศนะว่าเนื้อจากสัตว์ฮาลาลที่จำหน่ายในประเทศตะวันตกนั้น เป็นที่ยอมรับสำหรับชาวมุสลิม โดยพวกเขาให้เหตุผลว่าพระนามของพระเจ้าในที่นี้อาจหมายถึงให้กล่าวในขณะรับประทานมากกว่าในขณะเชือด ซึ่งหน่วยงานที่กำกับดูแลในเรื่องประเทศนำเข้าอาหารฮาลาล หน่วยงานที่รับรองมาตรฐานฮาลาล หรือผู้บริโภคมุสลิมแต่ละหน่วยงานต่างก็สามารถยอมรับหรือปฏิเสธผลิตภัณฑ์ที่อยู่บนพื้นฐานของการให้เหตุผลตามทรรศนะนี้ได้ทั้งสิ้น

สำหรับชาวมุสลิมที่ต้องการถือปฏิบัติตามข้อกำหนดที่กล่าวไว้ในอัลกุรอานในบทที่ 6 อายะฮฺ (โองการ) ที่ 121 นั้นถือว่าไม่มีอาหารชนิดใดของอะฮฺลุล กิตาบ ที่ถูกต้องตามมาตรฐานอิสลาม นอกจากอาหารประเภทผักและปลาที่ไม่มีส่วนประกอบของแอลกอฮอล์ หรือมีวัตถุเจือปนจากส่วนผสมใด ๆ ที่ต้องห้าม

ผู้ดำเนินการผลิตอาหารโคเชอร์ส่วนใหญ่เชื่อว่าชาวมุสลิมยอมรับอาหารโคเชอร์ว่าเป็นอาหารที่อยู่ภายใต้ข้อกำหนดและมาตรฐานฮาลาล แต่ในทางศาสนานั้นมุสลิมยังไม่ยอมรับการรับรองของโคเชอร์มาเป็นมาตรฐานแทนการรับรองฮาลาล แม้ว่าในอดีตอาจมีบางประเทศเคยอนุญาตก็ตาม

ฝ่ายบริการวิชาการ ศวฮ. สำนักงานปัตตานี แปลและเรียบเรียง
ข้อมูลจากหนังสือ : Halal food production
โดย Mian N. Riaz, Muhammad M. Chaudry

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องที่ต้องการถูกทำเครื่องหมาย *