“กินจนอิ่มท้องบาปหรือไม่?”

:: [คำถาม] ::

ฉันรับประทานยาเพื่อรักษากระดูกตามอาการที่ฉันเป็น ฉันไม่แน่ใจเกี่ยวกับการรับประทานอาหารที่มากเกินไปในมุมมองอิสลาม ฉันได้รับการแนะนำให้รับประทานสิ่งต่าง ๆ เช่น การรับประทานขนมปังปิ้งเล็กน้อยในตอนเช้า อย่างไรก็ตาม โดยส่วนใหญ่แล้ว ฉันเลิกรับประทานอาหารที่มากเกินพอดี ฉันอยากทราบว่า ถ้าฉันรับประทานอาหารเพิ่มมากขึ้น สิ่งนี้จะเป็นที่อนุมัติในอิสลามหรือไม่? เราควรรับประทานและนอนน้อยลง อย่างไรก็ตามบางครั้งฉันนอนเยอะหรือบางครั้งนอนน้อย ซึ่งมันเชื่อมโยงกับพฤติกรรมหรือปัญหาต่าง ๆ อย่างเช่น ความเศร้าโศก สำหรับอาหารบางครั้งฉันรับประทานเพิ่มมากขึ้น สิ่งนี้จะเป็นอันตรายกับจิตวิญญาณและความศรัทธาของฉันหรือไม่? ฉันรู้สึกผิดตลอดเมื่อรับประทานอาหารจำนวนมาก ๆ แต่ถ้ามันช่วยให้ร่างกายของฉันมีสุขภาพดีเหมือนกับออกกำลังกาย มันจะเป็นที่อนุมัติหรือไม่ในอิสลาม?

ฉันรู้สึกวิตกกังวลที่มันก่อให้เกิดปัญหาต่าง ๆ กับหัวใจและจิตวิญญาณของฉัน ซึ่งจะส่งผลกระทบกับความศรัทธาของฉัน ดั่งที่ฉันมีความกังวลใจกับมันในบางครั้ง ปีที่แล้ว ฉันใช้ความพยายามขณะที่ฉันถือศีลอดพร้อมกับการทำงานและเดินทางด้วย ฉันรู้สึกไม่ไหวและรู้สึกป่วยไข้บ่อยมาก ฉันไม่ได้รับประทานอาหารสะฮูรในหลายสัปดาห์ที่ผ่านมาและได้รับผลบางอย่างจากญาติพี่น้องของฉัน การไม่รับประทานอาหารสะฮูรหมายความว่าฉันไม่ได้รับประทานอาหารและไม่ได้รับประทานยาสำหรับกระดูกของฉัน ฉันมีความกังวลเกี่ยวกับการถือศีลอดนับแต่นั้นมาเนื่องจากว่าฉันตั้งตาคอยมันมากและฉันไม่ทำงานในขณะนั้น ฉันไม่ต้องการสูญเสียการถือศีลอดและฉันไม่มั่นใจว่าฉันจะได้รับการยกเว้นจากการถือศีลอดอย่างในกรณีนี้ ฉันขอคำแนะนำจากท่านด้วย

:: [คำตอบ] ::

ไม่มีสิ่งใดเป็นเรื่องผิดสำหรับท่านที่จะรับประทานตามที่ท่านต้องการ และท่านไม่มีความผิดที่จะรับประทานในสิ่งที่ท่านพึงพอใจ ท่านไม่มีความผิดหากว่าท่านรับประทานจนกระทั่งอิ่มเต็มที่ สิ่งที่เป็นที่ต้องห้ามคือสิ่งที่คนหนึ่งรับประทานเกินความต้องการของเขา ซึ่งอาจเป็นอันตรายกับเขาได้

ท่าน อิยาฎ กล่าวว่า “พวกเขากินจนอิ่มท้อง” เป็นหลักฐานสำหรับการอนุญาตให้รับประทานจนอิ่มเต็มที่ มีรายงานจากท่านนบี มุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะซัลลัม และบรรดาบรรพชนยุคแรกว่าไม่ชอบให้กินจนอิ่มท้อง ซึ่งจะปฏิบัติเช่นนี้ทุกครั้ง เพราะดังกล่าวนี้จะทำให้หัวใจนั้นแข็งกระด้าง ทำให้คนหนึ่งลืมคนจนและความทุกข์ยากของพวกเขาและสิ่งต่าง ๆ ที่เขาต้องรับผิดชอบ เป็นที่อนุมัติให้คนหนึ่งรับประทานจนอิ่มท้องตราบใดที่เขาไม่เกินเลยขอบเขต ไม่ขัดขวางเขาจากการปฏิบัติตามภาระหน้าที่ที่พึงมี ไม่ทำให้หายใจไม่สะดวกและทำให้เกิดอาหารไม่ย่อย อะไรก็ตามที่ทำให้เกินเลยขอบเขตในเรื่องนี้ถือว่าไม่เป็นที่อนุมัติโดยเด็ดขาด ท่าน นบี มุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะซัลลัม กล่าวว่า “เวลากินท่านจะแบ่งกระเพาะอาหารเป็น 3 ส่วน คือ อาหารหนึ่งส่วน น้ำหนึ่งส่วน อากาศอีกหนึ่งส่วน”

จากข้างต้น มันเป็นที่ชัดเจนว่าไม่มีสิ่งใดผิดสำหรับท่านที่จะรับประทานให้อิ่มท้อง และท่านสามารถรับประทานในสิ่งที่ท่านต้องการได้ ยิ่งไปกว่านั้น ท่านจะต้องไม่งดเว้นในสิ่งทีท่านจำเป็นที่จะรับประทาน ดังนั้นถ้าท่านต้องการจะรับประทานอะไรก็ตามเพื่อจะทำให้เป็นอิบาดะฮฺหนึ่งหรือรับประทานอาหารเพื่อที่จะทำให้ท่านมีความแข็งแรงในการทำอิบาดะฮฺ หรือท่านจำเป็นที่จะรับประทานเพื่อเป็นยารักษาโรค เป็นต้น ฉะนั้น การละทิ้งในสิ่งที่ท่านจำเป็นต้องรับประทานนั้นถือว่าเป็นเรื่องที่น่าตำหนิ

ส่วนเรื่องของการไม่ได้รับประทานอาหารมื้อสะฮูร ดังนั้นนี่คือสิ่งที่ตรงข้ามกับสุนนะฮฺอย่างแน่นอน ดังที่ท่านนบี มุฮัมมัด ศ็อลลัลอฮุ อะลัยฮิ วะซัลลัม ได้สั่งใช้ให้เรารับประทานอาหารมื้อสะฮูรตามที่ถูกบัญญัติไว้สำหรับประชาชาติของท่าน ท่านนบี มุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะซัลลัม อธิบายแล้วว่า มีความบะเราะกะฮฺ (ความจำเริญ) ในมื้ออาหารนี้และเป็นข้อแตกต่างระหว่างการถือศีลอดของเรากับการถือศีลอดของชาวคัมภีร์ เพราะฉะนั้น เราะจะต้องไม่ละทิ้งมื้อสะฮูรและแสวงหาความช่วยเหลือจากอัลลอฮฺในการถือศีลอดและอัลลอฮฺจะทรงช่วยเหลือท่านอย่างแน่นอน

ถ้าท่านมีเหตุผลที่จะไม่ถือศีลอด เช่น ป่วยหรืออะไรทำนองนี้ ดังนั้นไม่มีโทษกับท่านแต่อย่างใดที่จะไม่ถือศีลอดและค่อยชดเชยการถือศีลอดในวันอื่นทดแทน

ฝ่ายบริการวิชาการ ศวฮ. สำนักงานปัตตานี แปลและเรียบเรียง
ข้อมูลจาก islamweb.net

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องที่ต้องการถูกทำเครื่องหมาย *