ท่านรอซูลล ศ็อลลัลลอฮุอลัยฮิวะสัลลัม กล่าวความว่า “การถือศีลอดที่ประเสริฐที่สุดหลังจากเดือนรอมฎอน คือ การถือศีลอดในเดือนของอัลลอฮฺที่ต้องห้ามที่ชื่อว่าเป็นเดือนอัล-มุหัรร็อม” (บันทึกโดยมุสลิม)

ท่านอีหม่าม นาวาวีย์ กล่าวว่า วันที่ 9 ของเดือนมุฮัรรอม เรียกว่า (ตาซูอาอฺ) วันที่ 10 วันอาชูรออฺ

ท่านอีหม่าม ชาฟีฮี อะหมัด อิสหาก ต่างส่งเสริมให้ถือศีลอดในวันที่ 9-10 จากซุนนะฮฺของท่านนบี ท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า “หากฉันมีชีวิตถึงปีหน้า แน่นอน ฉันจะถือศีลอดวันที่เก้าและวันที่สิบ” (บันทึกโดยอีหม่ามอะหมัด) 

ท่าน เชคอิสลาม อิบนุ ตัยมียะ กล่าวว่า สิ่งสำคัญในการถือศีลอดในวันอาชูรออฺ เพื่อให้เกิดความแตกต่างระหว่างมุสลิมกับชาวยิว ไม่เลียนแบบพวกเขา 

ท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้ยืนยันในความประเสริฐของการถือศีลอดในวันอาชูรออฺด้วยถ้อยคำอันชัดเจน ว่า “ท่านนบีถูกถามถึงการถือศีลอดในวันอาชูรออฺ ท่านตอบว่า “ลบล้างความผิดตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมา ” (บันทึกโดยมุสลิม) 

ท่าน อิบนุ ก็อยยิม ได้วางลำดับความประเสริฐของการถือศีลอดวันอาชูรออฺออกเป็นสามลำดับดังนี้คือ 
1. ถือศีลอดต่อเนื่องกันสามวัน คือวันที่ 9-10-11 ถือว่าเป็นถือศีลอดที่ประเสริฐที่สุด 
2. ถือศีลอดติดต่อกันเพียงสองวัน คือวันที่ 9-10 
3. ถือศีลอดในวันอาชูรออฺหรือวันที่ 10 วันเดียว ถือว่าเป็นการถือศีลอดที่ตรงกับชาวยิว แต่ทว่าคำสั่งของท่านนบีให้ถือแตกต่างกับชาวยิว ถือว่า มักรูฮฺ ไม่ควรกระทำ แต่ ทัศนะของเชคอิสลาม อิบนุตัยมียะห์ มีความเห็นว่า ไม่น่ารังเกียจ จะถือศีลอดในวันที่ 10 เพียงวันเดียว จากหนังสือฟัตวากุบรอ 

……………………………………………
ขอขอบคุณข้อมูลจากเว็ปไซต์ Islam more.com

หลักนิติธรรมในอิสลามจะนำเสรีภาพมาสู่มวลมนุษย์ในการเลือกรับประทานและดื่มสิ่งใดก็ตามแต่ที่พวกเขาต้องการ ตราบใดที่สิ่งนั้นไม่ใช่สิ่งที่หะรอม(สิ่งต้องห้าม)อันเป็นอันตรายกับมนุษย์

“สังคมใดที่บุคลากรทางศาสนาขาดความรู้ทางวิทยาศาสตร์ สังคมนั้นก็ไม่ต่างอะไรไปจากคนขาเป๋ แต่สังคมใดมีนักวิทยาศาสตร์ที่ขาดศาสนา สังคมนั้นก็ไม่ต่างอะไรไปจากคนตาบอด ถ้าประเทศใดมีสังคมสองประเภทนี้ เราก็ไม่รู้ว่าอนาคตของประเทศนั้นจะเป็นอย่างไร”

อ.บรรจง บินกาซัน