การถือศีลอด สำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวานในช่วงรอมฎอน

รอมฎอนเป็นเดือนที่เก้าในปฏิทินฮิจเราะห์ เป็นเดือนที่เปี่ยมไปด้วยความเมตตาและความดีงามที่บริสุทธิ์ ซึ่งบรรดาผู้ศรัทธาในอิสลามได้ถือศีลอดเพื่อฝึกฝนการระงับยับยั้งตนตั้งแต่ช่วง สะฮูร หรือช่วงเวลาที่ดวงอาทิตย์ขึ้น จนถึงช่วง อิฟฏอร หรือช่วงที่ดวงอาทิตย์ตก

การถือศีลอด คือ การงดบริโภคน้ำและอาหารตลอดช่วงเวลาที่ถือศีลอดไปพร้อม ๆ กับการรักษาความคิดให้บริสุทธิ์ การรำลึกถึงผู้เป็นเจ้า และปฏิบัติการงานต่าง ๆ

การถือศีลอดในเดือนรอมฎอนเป็นการพยายามฝึกฝนเพื่อเสริมสร้างอุปนิสัยที่บริสุทธิ์งดงาม และความอ่อนน้อมถ่อมตน โดยเป็นการปฏิบัติเพื่อเคารพสักการะต่ออัลลอฮฺ มุสลิมจากทั่วทุกมุมโลกต่างร่วมกันถือศีลอดในช่วงเดือนอันจำเริญนี้

ผู้ถือศีลอดนั้นมีทั้งคนที่ร่ำรวยและยากจน คนสุขภาพดีหรือคนป่วย มีทั้งวัยเด็กและวัยผู้ใหญ่ ทุกคนต่างก็ถือศีลอด แต่ผู้คนบางส่วนได้มองข้ามผลกระทบของการอดอาหารที่อาจจะมีต่อสุขภาพของพวกเขา

เนื่องจากรอมฎอนเป็นเดือนแบบจันทรคติจึงมีระยะเวลาที่แตกต่างกันไประหว่าง 29 ถึง 30 วัน และระยะเวลาของการถือศีลอดนั่นขึ้นอยู่กับช่วงฤดูกาลและสถานที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ซึ่งมีระยะเวลาตั้งแต่ 9 ถึง 22 ชั่วโมง

การอดอาหารในช่วงเวลาที่ยาวนานนี้อาจเป็นอันตรายต่อร่างกายที่แม้จะมีโอกาสเกิดขึ้นเพียงเล็กน้อย หรืออาจจะมีผลกระทบกับโรคต่าง ๆ เช่น โรคเบาหวานซึ่งเป็นหนึ่งในเงื่อนไขที่พบได้บ่อยที่สุดที่เกิดจากการรวมกันของปัจจัยต่าง ๆ

เราจึงช่วยชี้แจงข้อสงสัยเกี่ยวกับโรคเบาหวาน ผลกระทบจากการอดอาหารด้วยโรคเบาหวาน และข้อควรระวังในการรักษาสุขภาพในรอมฎอน

โรคเบาหวานสามารถแบ่งได้เป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 1 และชนิดที่ 2 ซึ่งรวมถึงผู้ที่เป็นโรคเบาหวานที่ควบคุมไม่ได้ ผู้ที่เป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 1 ที่ต้องใช้อินซูลิน หรือชนิดที่ 2 ที่ใช้ยาผสมอินซูลิน หรือผู้ที่มีระดับน้ำตาลในเลือดสูงหรือต่ำมาก

โดยปกติแล้วผู้ป่วยโรคเบาหวานจะต้องรับประทานอาหารทุกสามชั่วโมง และหลีกเลี่ยงอาหารทอด อาหารมัน และอาหารหวาน พร้อมกับการรับประทานยาให้ตรงเวลา

แต่นี่เป็นเรื่องยากมากที่จะปฏิบัติได้ในระหว่างการถือศีลอดที่กำหนดให้ผู้ป่วยรับประทานยาแค่ในช่วงสะฮูรฺ และช่วงอิฟฏอร

ผู้ป่วยโรคเบาหวานจะต้องระมัดระวังเป็นอย่างยิ่งหากต้องอดอาหาร และควรทำภายใต้การกำกับดูแลของผู้เชี่ยวชาญ

เนื่องจากการถือศีลอดอนุญาตอาหารหลักรวมทั้งยาเพียงสองมื้อในระหว่าง 24 ชั่วโมง ผู้ป่วยโรคเบาหวานจะต้องปรับแผนการรักษาตามการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการบริโภค ซึ่งจะส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงของกระบวนการเผาผลาญอาหาร

การอดอาหารอาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อน เช่น ภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ (Hypoglycemia) ซึ่งเป็นภาวะขาดกลูโคสในกระแสเลือด ภาวะน้ำตาลในเลือดสูง (Hyperglycemia) ซึ่งเป็นสาเหตุให้ระดับน้ำตาลในเลือดเพิ่มขึ้น หรือภาวะขาดน้ำ ผู้ป่วยโรคเบาหวานที่ได้รับการกล่าวถึงในรูปแบบใดก็ตามจำต้องงดการอดอาหารทันที

ภาวะเลือดเป็นกรดจากคีโตนจากเบาหวาน (Diabetic Ketoacidosis) เป็นภาวะแทรกซ้อนที่ร้ายแรงอีกประเภทหนึ่งที่อาจทำให้มีอาการอาเจียน ขาดน้ำ หายใจไม่ออก และอาจมีแม้กระทั่งอาการโคม่าเกิดขึ้นได้

ผู้ป่วยโรคเบาหวานประเภท 1 ที่มีประวัติภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำกำเริบจะมีความเสี่ยงสูงมากหากพวกเขาถือศีลอด

ภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำหรือภาวะน้ำตาลในเลือดสูงอาจเกิดขึ้นกับผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 ได้เช่นกัน แต่โดยทั่วไปมักพบได้น้อยกว่าและมีผลกระทบน้อยกว่าเมื่อเทียบกับผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 1 ที่อาจจะส่งผลกระทบให้เกิดอาการชักและหมดสติ

::ข้อควรระวังในช่วงเดือนรอมฎอน::
ในกรณีที่ผู้ป่วยโรคเบาหวานต้องการจะอดอาหาร เขาต้องทำตามคำแนะนำและปรึกษาหารือกับผู้เชี่ยวชาญ และควรที่จะยุติการอดอาหารในทันทีหากมีสัญญาณเตือนใด ๆ ก็ตามปรากฏขึ้น

ถือเป็นการสมควรอย่างยิ่งที่ผู้ป่วยโรคเบาหวานจะต้องเข้ารับการตรวจประเมินสุขภาพก่อนช่วงรอมฎอนหนึ่งเดือน เพื่อปรึกษาหารือถึงรูปแบบของอาหารและยาของผู้ป่วย

นอกจากนี้ ยังควรมีการตรวจระดับน้ำตาลในเลือดสม่ำเสมออย่างน้อยวันละหนึ่งครั้ง

ถึงแม้จะมีการอดอาหารแต่พึงรำลึกว่ารอมฎอนเป็นเดือนแห่งเทศกาล ไม่ว่าจะอาศัยอยู่ในภูมิภาคใด ทุก ๆ เทศกาลมักจะมีอาหารที่มีปริมาณน้ำตาลและโคเลสเตอรอลสูงอยู่ด้วยเสมอ

ด้วยเหตุนี้จึงต้องหลีกเลี่ยงทุกสถานการณ์ที่ทำให้เกิดความเสี่ยง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการบริโภคอาหารที่มีการแปรสภาพ และมีไขมันสูง

ผู้ป่วยโรคเบาหวานควรบริโภคคาร์โบไฮเดรต และอาหารแคลอรี่สูง พร้อมกับผลไม้สดและผักสีเขียว ธัญพืช มัลติเกรนและโฮลเกรน พร้อมเพิ่มปริมาณน้ำดื่มในช่วงสะฮูร

ควรหลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของคาเฟอีนและอาหารทอดมัน เนื่องจากเพิ่มความเสี่ยงต่อภาวะการขาดน้ำ

นอกเหนือจากข้อควรระวังในมื้ออาหาร การนอนหลับยังเป็นปัจจัยสำคัญอีกด้วย โดยเฉลี่ยคนหนึ่งควรได้หลับอย่างน้อยหกชั่วโมงทุกวัน แนะนำให้มีการนอนหลับอย่างน้อย 2-3 ชั่วโมงหลังจากช่วงเวลาสะฮูร

ในขณะที่ผู้คนบางส่วนเลือกที่จะมองข้ามภาวะแทรกซ้อนทางสุขภาพของตนเพื่อที่จะถือศีลอด โปรดอย่าลืมว่าแนวคิดของการถือศีลอดจะไม่สร้างความยากลำบากเกินความจำเป็นสำหรับปัจเจกชนมุสลิมทั่วไป ฉะนั้นแทบจะไม่ต้องกล่าวถึงผู้คนที่ทุกข์ทรมานจากภาวะแทรกซ้อนทางสุขภาพ และโรคต่าง ๆ รวมถึงผู้ที่ชีวิตถูกคุกคามด้วยโรคเบาหวาน 

อัลกุรอานได้ยกเว้นผู้ป่วยจากการถือศีลอดเป็นการเฉพาะหากการถือศีลอดสามารถนำไปสู่ผลลัพธ์ที่เป็นอันตรายสำหรับบุคคลนั้น ๆ ได้

โรคเบาหวานเป็นความผิดปกติของกระบวนการเผาผลาญอาหารเรื้อรังทำให้ผู้ป่วยมีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ หากว่าการอดอาหารได้รับพิจารณาว่ามีความแตกต่างของปริมาณอาหารและของเหลวรวมทั้งรูปแบบและช่วงเวลาการรับประทานที่เปลี่ยนไป

ท่านนบีมุฮัมมัด (ขอความสันติภาพและความจำเริญจงมีแด่ท่าน) กล่าวว่า “อัลลอฮฺทรงรักที่จะทำให้การอนุมัติของพระองค์นั้นได้รับการปฏิบัติ ดังที่พระองค์ทรงรักที่จะทำให้เจตนารมณ์ของพระองค์ได้รับการสนองตอบ” ดังนั้นการได้รับการยกเว้นนั้นจึงเป็นมากกว่าการอนุโลมทั่ว ๆ ไปที่จะไม่ต้องอดอาหาร

สุขภาพจิตที่สดใสย่อมอยู่ในร่างกายที่แข็งแรงเพื่อที่จะได้ใช้มันในการเคารพสักการะและอุทิศตนปฏิบัติศาสนกิจได้อย่างต่อเนื่องในช่วงเดือนรอมฎอนที่ผู้เป็นเจ้าทรงประทานมาให้กับพวกเรา

……………………..
ฝ่ายบริการวิชาการ ศวฮ.สำนักงานปัตตานี แปลและเรียบเรียง
ข้อมูลจาก aboutislam.net by Raisa Ladji

การถือศีลอดจะช่วยเพิ่มพลังสมอง

การถือศีลอดในเดือนเราะมะฎอนของทุก ๆ ปีนับเป็นหน้าที่เหนือมุสลิม อีกทั้งยังส่งเสริมให้ถือศีลอดตลอดปีเป็นระยะ ๆ เช่น 3 วันต่อเดือน ในช่วงกลางของเดือนตามจันทรคติ หรือ 9 วันแรกของเดือนซุลฮิจญะฮฺเป็นต้น

วันนี้วิทยาศาสตร์ได้แสดงให้เห็นแล้วว่าการถือศีลอดได้ก่อให้เกิดสิ่งดี ๆ ต่าง ๆ ไม่เพียงเฉพาะต่อร่างกายเท่านั้นแต่รวมไปถึงสมองอีกด้วย และโดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการป้องกันโรคความเสื่อมของระบบประสาทของการเสื่อมสภาพ เช่น โรคอัล-ไซเมอร์ (Alzheimer) รายงานของสมาคมโรคอัลไซเมอร์แห่งอเมริการะบุว่าภายในปี ค.ศ.2050 ผู้ที่มีอายุ 65 ปีขึ้นไป จะเป็นโรคอัล-ไซเมอร์เพิ่มขึ้นเกือบสามเท่าจาก 5.2 ล้านคน ในวันนี้กลายเป็น 13.8 ล้านคน

นักวิจัยค้นพบว่าอายุขัยและความสามารถทางจิตของสัตว์ทดลองจะปรับตัวในทางที่ดีขึ้น เมื่อมันอยู่ในช่วงเวลาที่อดอาหาร

ดร. มาร์ค แมทสัน หัวหน้าห้องปฏิบัติการประสาทวิทยาแห่งสถาบันผู้สูงอายุและศาสตราจารย์ด้านประสาทวิทยาแห่งมหาวิทยาลัยจอห์น ฮอปกิ้นส์ ได้ทำการวิจัยในประเด็นผลของการกำจัดพลังงานที่มีต่อสมอง พวกเขาค้นพบว่าการถือศีลอดสามารถชะลอการสะสมของแอมีลอยด์ (amyloids – สารโปรตีนที่ผิดปกติชนิดหนึ่ง) ในสมองของหนูทดลอง โดยการจำกัดการใช้พลังงานอย่างฉับพลัน และการสะสมของแอมีลอยด์เหล่านี้ในสมองมีความเกี่ยวข้องอย่างมากกับการเริ่มมีอาการของโรคอัลไซเมอร์ 

นับว่าเป็นความจริงสำหรับมนุษย์เช่นเดียวกัน และหนึ่งในวิธีการที่ดีทีสุดในการลดปริมาณอาหารคือการถือศีลอดนั่นเอง

ตลอดประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา นักคิดและนักวิทยาศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่หลายคนได้อธิบายถึงผลของการมีสุขภาพดีในการถือศีลอด เพลโต ได้กล่าวว่า “ฉันอดเพื่อประสิทธิภาพทางร่างกายและจิตใจที่ดีขึ้น”

ฟิลลิปพัส แพราเซลซัส (Philippus Paracelsus) เป็นบิดาหนึ่งในสามของทางการแพทย์ตะวันตกกล่าวว่า “การถือศีลอดนั้น เป็นการรักษาโรค เป็นการแพทย์ที่ยอดเยี่ยมที่สุด” 

และคุณอาจเคยได้ยินชาวอียิปต์โบราณกล่าวว่า “มนุษย์พึ่งพิงหนึ่งในสี่จากสิ่งที่พวกเขารับประทาน อีกสามส่วนที่เหลือพึ่งพิงแพทย์ของพวกเขา”

ประโยชน์ทางสุขภาพจำนวนมากของการถือศีลอดนั้นได้รับการพิสูจน์จากหลักฐานทางวิทยาศาสตร์รวมถึงการลดความเสี่ยงของโรคหัวใจและหลอดเลือด โรคเบาหวาน โรคมะเร็ง และความบกพร่องทางสติปัญญาตามอายุ การถือศีลอดจะช่วยลดการอักเสบและภาวะเครียดที่เกิดจากออกซิเดชัน (oxidative stress – โรคเสื่อมเรื้อรัง) ในร่างกายและยังช่วยเผาผลาญไขมันอีกด้วย

นักวิจัยและผู้รณรงค์ด้านการคุ้มครองสุขภาพแนะนำรูปแบบการอดอาหารที่แตกต่างกันออกไป ข้อเสนอแนะหนึ่งคือ จะต้องอดอาหารในช่วงกลางวันเป็นเวลาสองวันต่อวันสัปดาห์พร้อมทั้งรับประทานอาหารเบา ๆ ในช่วงละศีลอด

ถ้าหากว่าเราพิจารณาไปยังหะดีษของท่านนบี มุฮัมมัด (ศ็อลลัลอฮุ อะลัยฮิ วะซัลลัม) เราจะเห็นว่า ท่านนบีนั้นเคยถือศีลอดในวันจันทร์และวันพฤหัสบดีในทุก ๆ สัปดาห์ และในช่วงเวลานั้นเองท่านนบีไม่ได้มีอาหารมากมายในการละศีลอด มีเพียงแค่อินทผลัมและนมเท่านั้น

การถือศีลอดจึงช่วยเพิ่มพลังสมองได้อย่างไร?
ทำไมสัตว์ทดลองทำงานได้ดีขึ้นเมื่อทำการทดสอบหน่วยความจำตอนที่มันกำลังอดอาหาร?
ดร. มาร์ค แม็ทสันอธิบายว่าการถือศีลอดเป็นความท้าทายต่อสมอง สมองตอบสนองต่อความท้าทายของการอดอาหาร โดยการกระตุ้นวิถีของการตอบสนองต่อการปรับตัวที่ช่วยให้สมองสามารถรับมือไว้ได้ ซึ่งการขาดพลังงานในร่างกายนั้นจะทำให้วงจรในเส้นประสาทมีความตื่นตัวมากขึ้นและการเพิ่มขึ้นในการทำงานของเซลล์ประสาทนี้จะช่วยให้สมองมีสุขภาพที่ดีขึ้นตามอายุขัย

การถือศีลอดจะช่วยกระตุ้นการผลิต neurotrophic factors (สารที่ทำหน้าที่เกี่ยวกับประสาทสมองตัวหนึ่ง) ในสมอง สารเคมีเหล่านี้ส่งเสริมการเจริญเติบโตของเซลล์ประสาทที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายและส่งเสริมการก่อตัวของการเชื่อมต่อเส้นประสาทในสมอง การถือศีลอดยังสามารถช่วยเพิ่มการผลิตเซลล์ประสาทใหม่ ๆ จากเซลล์ต้นกำเนิดอีกด้วย

ผ่านกลไกเหล่านี้ จะเห็นว่าการถือศีลอดสามารถปรับปรุงความจำและความสามารถในการเรียนรู้ให้ดีขึ้น การถือศีลอดนั้นก็เพื่อสุขภาพกายและสุขภาพจิตที่ดีขึ้นและที่สำคัญยิ่งกว่านั้นคือ การถือศีลอดนั้นก็เพื่อรางวัลการตอบแทนจากอัลลอฮฺ ตะอาลา

………………………………………
ฝ่ายบริการวิชาการ ศวฮ. สำนักงานปัตตานี แปลและเรียบเรียง
ข้อมูลจาก aboutislam.net

การเชือดสัตว์โดยใช้เครื่องจักร

หลักการของการเชือดสัตว์ (เพื่อเป็นอาหาร) ในอิสลามค่อนข้างง่ายและชัดเจน เราสามารถสรุปได้ดังต่อไปนี้ : กล่าวพระนามของอัลลอฮฺ / ตัดหลอดเลือดแดงที่ลำคอ/ ใช้มีดหรืออุปกรณ์ที่คม จึงสามารถจัดการให้สัตว์ตายอย่างรวดเร็วและลดการทรมานของสัตว์โดยไม่จำเป็น นี่คือการกระทำในลักษณะที่เอาเลือดระบายออก

เหล่านี้เป็นหลักการของการเชือดสัตว์ที่ระบุไว้อย่างชัดเจนในแหล่งคำสอนของอิสลามอันบริสุทธิ์ คือ อัลกุรอานและซุนนะฮฺ (วิถีปฏิบัติของท่านนบี) เหล่านี้เป็นหลักการเดียวกันที่ได้รับการเรียบเรียงโดยอิหม่ามใหญ่และบรรดานักนิติศาสตร์ในทุกสำนักคิด (มัซฮับ) ซึ่งแทบไม่มีความขัดแย้งในหมู่พวกเขาในเรื่องที่เกี่ยวกับการปฏิบัติตามหลักการของการบริโภคเนื้อสัตว์ดังกล่าว ถึงแม้ว่าพวกเขาจะสังกัดสำนักคิดทางนิติศาสตร์ (มัซฮับ) ที่แตกต่างกัน

ในแง่ของการดังกล่าวข้างต้น เราอาจสรุปได้ว่าสัตว์ทุกชนิดที่ได้รับการฆ่าในลักษณะนี้ ตราบใดที่วิธีการเหล่านั้นอยู่ในกรอบสำหรับการบริโภคของมุสลิมถือว่าฮาลาล (เป็นที่อนุมัติ) สำหรับมุสลิมที่จะรับประทาน โดยไม่คำนึงว่าพวกมันถูกฆ่าด้วยมือ หรือด้วยเครื่องจักร

ดังนั้น ความแตกต่างระหว่างการฆ่าด้วยมือกับเครื่องจักร โดยอ้างว่ากรณีหลังไม่เป็นที่อนุมัติ ย่อมไม่มีเหตุผลเพราะเป็นที่ชัดเจนว่าไม่มีหลักฐานห้ามในแหล่งที่มาทางนิติศาสตร์สำหรับการอ้างดังกล่าว

นอกจากนี้ ท่านนบี (ขอความสันติและความจำเริญจงมีแด่ท่าน) เองได้เตือนเราถึงการอวดภูมิและความเข้มงวดในเรื่องของศาสนา มุสลิมได้รับคำแนะนำให้หลีกเลี่ยงไม่สร้างข้อคัดค้านในเรื่องจุกจิกเล็ก ๆ น้อย ๆ การใช้พลังงานของคนคนหนึ่งควรที่จะนำมาใช้ในเรื่องที่มีความสำคัญมากกว่านี้ อาทิเช่น ประเด็นที่มีความสำคัญต่อความอยู่รอดของอิสลามและมุสลิม

……………………………………………………
โดย ชัยคฺ อะหมัด คุตตี้
ฝ่ายบริการวิชาการ ศวฮ. สำนักงานปัตตานี แปลและเรียบเรียง
…………………………………………….
หมายเหตุ
ในมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ : อาหารฮาลาล (มกอช. 8400-2550) ของประเทศไทย ไม่แนะนำการเชือดสัตว์ปีกด้วยเครื่องเชือดกล เว้นแต่กรณีที่จำเป็น การกระทำดังกล่าวต้องเป็นไปตามภาคผนวก ค ของมาตรฐานฉบับนี้ เช่นเดียวกับประกาศคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย เรื่อง ข้อกำหนดการตรวจรับรองฮาลาลโรงเชือดสัตว์และการชำแหละชื้นส่วน พ.ศ. 2559 ข้อ 4.5.3 “ไม่แนะนำให้เชือดสัตว์ด้วยเครื่องเชือดกล เว้นแต่กรณีที่จำเป็น การกระทำดังกล่าวต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย”
…………………………………………………..
http://anchan.lib.ku.ac.th/…/…/002/460/1/halal_food_old1.pdf
http://www.cicot.or.th/…/regulat…/halal-slaughter-59/1-1.pdf

กลุ่มคุ้มครองผู้บริโภคมาเลเซียอ้างว่า ปลาที่ชาวมาเลเซียบริโภคนั้นอาจไม่ฮาลาล

Halal Consumer News : สมาคมคุ้มครองผู้บริโภครัฐปีนัง มาเลเซีย ได้เปิดเผยข้อมูลเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 20 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา แจ้งเตือนผู้บริโภคมุสลิมในมาเลเซียให้ระมัดระวังการรับประทานปลาจากฟาร์มเลี้ยงบางแห่ง ที่อาจเลี้ยงด้วยเศษเนื้อเยื่อวัตถุดิบจากสัตว์ไม่ฮาลาล 

มุฮัมมัด อิดริส (Mohamed Idris) นายกสมาคมคุ้มครองผู้บริโภครัฐปีนัง (Consumer Association of Penang) หรือ CAP อ้างว่า ในปี 2009 พบฟาร์มบางแห่งเลี้ยงปลาด้วยน้ำเสียจากฟาร์มเลี้ยงสุกร ในปี 2013 พบการเพาะเลี้ยงปลาสวายด้วยเครื่องในจากสุกร อีกกรณีพบกะโหลกและกระดูกที่ฐานบ่อปลา เมื่อนำไปตรวจสอบพบว่าเป็น DNA จากสุกร และอีกกรณีจากรัฐเปรักด้วยการนำซากของสุกรมาใช้เป็นอาหารเลี้ยงปลานิล

เขายังอ้างถึงผลการวิจัยในปี 2010 โดยหน่วยงานด้านการตลาดและเกษตรแห่งรัฐ (FAMA) และมหาวิทยาลัย USM (Universiti Sains Malaysia) ได้เปิดเผยว่า 40% ของผู้ผลิตอาหารสัตว์ในประเทศนี้ใช้วัตถุดิบจากสัตว์เป็นส่วนประกอบในผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์เพื่อจำหน่ายในประเทศ เขากล่าวว่า “สิ่งนี้สร้างความสงสัยในสถานะฮาลาลของสัตว์ที่เลี้ยงด้วยอาหารสัตว์ประเภทนี้” เขายังกล่าวอีกว่า สภาฟัตวาแห่งชาติมาเลเซียได้กำหนดว่า สัตว์ที่เลี้ยงด้วยอาหารที่ไม่ฮาลาลนั้นถือว่าหะรอม

มุฮัมมัด อิดริส ยังเรียกร้องให้รัฐบาลแก้ไขกฎหมายสำหรับการผลิตอาหารสัตว์ โดยเพิ่มเรื่องฮาลาลในการเตรียม การแปรรูปและการผลิตอาหารสัตว์เข้าไปด้วย และยังเรียกร้องให้กรมพัฒนาอิสลามมาเลเซียหรือ JAKIM กำหนดคู่มือแนวทางการผลิตอาหารสัตว์ให้เป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์ที่สามารถขอการรับรองฮาลาลจาก JAKIM ได้อีกด้วย

“ในเวลานี้มุสลิมควรงดการรับประทานเนื้อสัตว์จนกว่าจะมีการบังคับใช้กฎหมายดังกล่าว” เขากล่าวทิ้งท้าย

……………………………………………………….
ศูนย์วิทยาศาสตร์ฮาลาล จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย สำนักงานปัตตานี แปลและเรียบเรียง
ที่มา: 

Super food 10 อย่างที่จะช่วยบำรุงร่างกายในช่วงเดือนเราะมะฎอน ตอนที่ 3

ข้าพเจ้าหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ท่านคงจะได้รับประโยชน์จากบทความ 2 ตอนที่ผ่านมา และเริ่มที่จะทำอาหารจานหลักเหล่านี้ได้บ้างในช่วงสะฮูรและละศีลอดของท่านในเดือนเราะมะฎอน

::: 7. หวงฉี (Astragalus) :::
นี่คือสมุนไพรจีนที่มีลักษณะคล้ายกับไม้ไอติมและมีรสชาดหวานเพียงเล็กน้อย รากของมันจะถูกนำมาตากแห้งเพื่อทำเป็นสมุนไพร ซึ่งนิยมกันมากในการทำยาจีนแผนโบราณเพื่อใช้บำบัดโรค

“หวงฉี” หรือ “จิ้งคี้” จัดว่าเป็นพืชสมุนไพรชนิดหนึ่ง นั่นหมายความว่ามันจะช่วยในการปรับตัว สมุนไพรนี้จะช่วยให้ร่างกายสามารถปรับตัวกับการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ สภาพร่างกายที่จะช่วยป้องกันหรือบำบัดอาการเมาและอ่อนเพลียจากการเดินทางที่ต้องบินข้ามประเทศหรือข้ามเขตแบ่งเวลา

ในฐานะที่เป็นสารปรับสมดุล สมุนไพรนี้ถือว่าปลอดภัยสำหรับทุกคนและทุกวันที่ใช้ เดือนเราะมะฎอน อาจเป็นช่วงเวลาที่ตึงเครียดได้ ร่างกายนั้นอยู่ในสภาพอ่อนเพลียและตึงเครียดและสมุนไพร เช่น หวงฉีจะช่วยเสริมให้ร่างกายสามารถปรับตัวต่อความเปลี่ยนแปลงและช่วยปกป้องจากโรคภัยไข้เจ็บ

วิธีการที่ง่าย ๆ ที่จะทำให้คุ้นเคยในการรับประทานคือการค่อย ๆ จิบทีละนิด อีกวิธีการหนึ่งคือใส่รวมกับอาหารอื่นๆที่กำลังต้มจนเดือด อาจเติมในชาหรือซุป และในข้าวขณะที่หุงอยู่หรือเคี่ยวด้วยไฟอ่อน ๆ สมุนไพรนี้จะไม่เปลี่ยนรสเปลี่ยนกลิ่น จนทำให้เสียรสชาด แต่จะช่วยทำให้ร่างกายของคุณรู้สึกผ่อนคลายมากยิ่งขึ้น

::: 8. น้ำมะพร้าว :::
น้ำมะพร้าวเต็มไปด้วยเกลือแร่ (electrolytes) และสารอาหารต่าง ๆ เป็นเครื่องดื่มที่สามารถดับกระหายหลังถือศีลอดของท่านได้ดีที่สุด

น้ำมะพร้าวสด ๆ นั้นดีที่สุดแต่อาจหาได้ไม่ง่ายนัก ให้มองน้ำมะพร้าวที่ไม่เติมน้ำตาลหรือวัตถุกันเสีย

::: 9. สาหร่ายทะเล :::
หลายคนอาจะไม่ชอบมัน เพราะกลิ่นและรสชาติคล้ายคาวปลา สาหร่ายทะเลมีหลายชนิด และไม่ใช่ทุกชนิดจะมีรสหรือกลิ่นคาว

สาหร่าย 2 ชนิด คือ สาหร่ายคอมบุ (kombu) และแผ่นสาหร่ายทะเลเป็นสาหร่ายที่มีประโยชน์ง่ายต่อการใช้บริโภคโดยไม่มีสารปรุงแต่งที่เป็นอันตรายแต่อย่างใด

สาหร่ายทะเลมีความสำคัญอย่างไร ? และทำไมมันจึงความสำคัญขนาดนั้น ? 

สาหร่ายทะเลและสาหร่ายสีเขียวอื่น ๆ อุดมไปด้วยแร่ธาตุและสารไอโอดีน ใช่ สารไอโอดีนนั้นถูกเติมในเกลือป่นมากที่สุด แต่เป้าหมายของมัน คือการดูดซึมนั่นเอง

สาหร่ายสีเขียว (Sea vegetables) ให้สารไอโอดีนชนิดหนึ่งที่ง่ายต่อการดูดซึม ร่างกายของท่านจะไม่ได้รับประโยชน์ใด ๆ จากสิ่งที่ไม่สามารถดูดซึม

แผ่นสาหร่าย (Kelp flakes) สามารถโปรยลงในอาหารของท่านเหมือนกับเครื่องปรุงอาหาร ส่วนสาหร่าย “คอมบุ” นั้นเป็นสาหร่ายทะเลที่มีความเหนียว ซึ่งจะไม่ละลายเข้ากับอาหารได้ง่ายเมื่อนำมาปรุง ให้ใส่แผ่นสาหร่าย “คอมบุ” ในน้ำที่กำลังต้มเพื่อสกัดสารอาหารออกมา

ต้องมั่นใจว่าสาหร่ายที่ซื้อมานั้นผลิตโดยไม่มีการหลอกหลวง พร้อมทั้งมองงสาหร่ายทะเลที่ผ่านการทดสอบว่าไม่มีโลหะหนักปนเปื้อน คุณอาจจะต้องการหลีกเหลี่ยงสาหร่ายทะเลที่มาจากแหล่งที่มีการรั่วไหลของน้ำมันหรือที่ที่อาจจะปนเปื้อนสารกัมมันตรังสี

น้ำ เป็นตัวทำละลายที่ครอบคลุมและสาหร่ายทะเลนั้นอยู่ในน้ำทะเล ดังนั้นสาหร่ายทะเลจึงมีระดับที่แตกต่างตามระดับความเป็นพิษของน้ำ เพราะฉะนั้น หากคุณมีความดันโลหิตสูงหรือภาวะต่อมไทรอยด์เป็นพิษ ควรปรึกษาแพทย์ที่ชำนาญในการดูแลสุขภาพก่อนที่นำมาเป็นอาหารของคุณ

::: 10. เนื้อโกโก้บด (เป็นช็อคโกแลตดิบ) :::
ช็อคโกแลตดิบนั้นมีแมกนีเซี่ยมสูงที่สุดเมื่อเทียบกับอาหารอื่น ๆ ร่างกายใช้แมกนีเซี่ยมในกระบวนการต่าง ๆมากกว่า 200 กระบวนการ และแมกนีเซียม/แคลเซียมครึ่งหนึ่งจะควบคุมการเต้นของหัวใจ แมกนีเซียมจะถูกดึงมาใช้เมื่อร่างกายนั้นมีความตึงเครียด ควรเสริมแมกนีเซียมด้วยช็อคโกแลตดิบในกับเนื้อโกโก้บด

เดือนเราะมะฎอนเป็นช่วงเวลาที่สำคัญที่จะเพิ่มอาหารเหล่านี้ในโภชนาการของท่านเพื่อให้มีสุขภาพและสารอาหารที่เพียงพอยาวนานตลอดทั้งเดือน

………………………………………………………..
อ้างอิง:
Fife, Bruce, Dr. C.N., N.D, Coconut Cures. Piccadilly Books, Limited (March 1, 2005).
The World’s Healthiest Foods.
Abeytia, Anisa, “Chocolate: Good and Good for You.” Aboutislam.net (November 25, 2010).
……………………..

ฝ่ายบริการวิชาการ ศวฮ.สำนักงานปัตตานี แปลและเรียบเรียง

Super food 10 อย่างที่จะช่วยบำรุงร่างกายในช่วงเดือนเราะมะฎอน ตอนที่ 2

::: 4. น้ำมันมะพร้าว :::
ไขมันคุณภาพสูง คือการลงทุนที่ดีที่สุดที่ท่านจะทำได้เพื่อสติปัญญาที่สมบูรณ์ เพราะสมอง ระบบประสาท และระบบการสืบพันธุ์ล้วนแล้วถูกสร้างมาจากไขมันทั้งสิ้น

แต่ละเซลล์ของเรานั้นถูกปกคลุมในไขมัน ร่างกายจำเป็นต้องใช้ไขมันในการละลายวิตามินดังเช่นวิตามินดีและเอ ไขมันนั้นเป็นส่วนที่มีความสำคัญต่อสุขภาพของร่างกาย อีกทั้งไขมันยังช่วยให้เรารู้สึกอิ่มนาน และช่วยควบคุมระดับน้ำตามในเลือด มีการให้ข้อมูลผิดพลาดมากมายในเรื่องไขมันดีและจะใช้มันอย่างไรในการปรุงอาหารของเราในแต่ละวัน

มีน้ำมันบางประเภทปลอดภัยสำหรับการปรุงอาหาร เช่น น้ำมันมะพร้าว เนย น้ำมันเนย ไขมันสัตว์และน้ำมันปาล์ม และมีน้ำมันบางประเภทสามารถรับประทานสดๆได้อย่างปลอดภัย เช่น น้ำมันมะกอก อะโวคาโด ดอกทานตะวัน เมล็ดงา น้ำมันถั่ว น้ำมันพืช (vegetable oil) โดยส่วนมากจะไม่มีความปลอดภัยสำหรับการทำอาหาร หมายถึง น้ำมันจะต้องไม่โดนความร้อน เมื่อคุณทำให้มันร้อน มันจะทำให้เหม็นหืนและบูดเน่าจะปล่อยอนุมูลอิสระเข้าสู่ร่างกายของคุณ

เมื่อคุณเลือกซื้อน้ำมัน ต้องมั่นใจว่ามันเป็นน้ำมันออร์แกนิกและปลอดจากสารเคมีเช่นตัวทำละลายต่างๆ จงเลือกน้ำมันที่มีอยู่ในภาชนะที่ทึบแสง เพราะน้ำมันจะทำปฏิกิริยากับแสงทำให้เหม็นหืน

::: 5. น้ำ :::
เราไม่เคยคิดว่า “น้ำ” จะเป็น super food แต่กลับใช่ น้ำมีความสำคัญอย่างมาก จนเราไม่สามารถจะดำรงชีวิตอยู่ได้หากปราศจากน้ำ ในช่วงเดือนเราะมะฎอนเราจะสูญเสียน้ำในร่างกายได้ง่าย กรณีหากร่างกายไม่ได้รับน้ำเป็นช่วงเวลาที่ยาวนาน (มากกว่าหนึ่งเดือน ซึ่งมันจะไม่เกิดขึ้นเพราะว่าคุณถือศีลอดในเดือนเราะมะฎอน) กลไกความกระหายน้ำของคุณก็จะหยุดทำงาน นั่นหมายความว่าร่างกายของคุณยังคงกระหายน้ำ แต่ร่างกายจะไม่ส่งสัญญาณใดๆไปยังสมองว่าร่ายงการต้องการน้ำ การที่เราถือศีลอดไม่ได้หมายความว่า การทำงานของร่างกายจะหยุดความต้องการน้ำ เพราะอาการปวดศีรษะ ความเหนื่อยล้า อาการมึน ความฉุนเฉียวง่าย ความเจ็บไข้บ่อยครั้งเกิดจากการที่ร่างกายมีน้ำไม่เพียงพอ (inadequate hydration)

ท่านจะรู้ได้อย่างไรว่าท่านได้รับน้ำอย่างเพียงพอ ? นี่คือวิธีการคำนวณง่าย ๆ ที่จะสามารถทำโดยใช้น้ำหนักของคุณมาหารสอง

ดังกล่าวนี้ จะทำให้ร่างกายทำงานเป็นปกติ ซึ่งยังไม่ได้รวมกับการเสียเหงื่อ การให้นม การมีประจำเดือน ปริมาณที่บริโภคเนื้อ น้ำตาล ชาหรือการสูบบุหรี่ กิจกรรมทั้งหมดนี้ทำให้ร่างกายของคุณต้องสูญเสียน้ำจำนวนไม่น้อยจึงจำเป็นต้องบริโภคน้ำทดแทนในปริมาณที่เพียงพอ

::: 6. ข้าวกล้อง :::
ในทวีปเอเชีย ข้าวถือว่าเป็นอาหารหลักที่มีความสำคัญอย่างมาก การบริโภคข้าวขัดสีทำให้ขาดสารอาหารหลายอย่างโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ไธอามีน (การขาดแคลน วิตามิน บี1) ซึ่งจะก่อให้เกิดโรคเหน็บชาส่วน (การขาดแคลน บี 3) “ไนอะซิน” ก็จะก่อให้เกิด โรค “เพลแลกรา” (จะมีการอาการท้องร่วง คันตามผิวหนัง) วิตามินจำเป็นต่อการดูแลสุขภาพและวิตามินบี 3 นั้นมีความสำคัญในทำให้หัวใจมีสุขภาพดี เป็นที่น่าสนใจว่า ทั้งโรคเหน็บชาและโรคเพลแลกราเป็นความเจ็บป่วยที่ไม่มีใครรู้จักมาก่อนที่จะเริ่มมีข้าวขาว อาการทั้งสองอย่างไม่ใช่โรคแต่เป็นผลมาจากการขาดสารอาหาร

[สูตร]
1. ข้าวกล้อง 4 ถ้วยแก้ว
2. น้ำ 4 ถ้วยแก้ว
3. สาหร่ายคอมบุ 1 แผ่น
4. เนย 2 ช้อนโต๊ะ
5. หัวหอมหั่นเต๋า ½ นิ้ว 
6. กระเทียมสับ 4 กลีบ
7. หญ้าฝรั่น 1 หยิก
8. เกลือ ขมิ้นชัน 1 ช้อนชา 

[วิธีการ ]
ละลายเนยด้วยความร้อนและตามด้วยหัวหอมลงในหม้อทอดประมาณ 1-2 นาที จากนั้นใส่กระเทียมและทอดอีกประมาณ 1-2 นาที เติมเกลือเล็กน้อย และเทน้ำเข้าไปพร้อมกับใส่ใส่สาหร่าย Kombu (คอมบุ) ใส่เนยอีก 1 ช้อนโต๊ะและเกลือเพื่อให้มีรสชาด นำไปต้มให้เดือด จากนั้นใส่ขมิ้น หญ้าฝรั่นและข้าว แล้วปิดฝา (ที่มีช่องระบายไอน้ำ) และตั้งไฟไว้ประมาณ 15-20 นาที คอยสังเกตดอยู่ตลอดเพื่อจะเติมน้ำตามความจำเป็น ลดความร้อนลงครึ่งหนึ่งและต้มต่อ 15 นาที ลดความร้อนให้พอเดือดกรุ่นๆต้มทิ้งไว้อีก 15 นาทีแล้วทิ้งไว้สักพักจนกระทั่งสุกได้ที่

………………………………………………………..
อ้างอิง:
Fife, Bruce, Dr. C.N., N.D, Coconut Cures. Piccadilly Books, Limited (March 1, 2005)
Teicholz, Nina, The Big Fat Surprise: Why Butter, Meat & Cheese Belong in a Healthy Diet. Simon & Schuster (2014). http://www.westonaprice.org/health-topics/the-big-fat-surprise-toxic-heated-oils/
Batmanghelid, J, Dr. MD, Your Body’s Many Cries for Water . Global Health Solutions, Inc.; Third Edition edition (November 1, 2008)
Carpenter, Kenneth J. ,” white rice, and vitamin B: a disease, a cause, and a cure.” Choice November 2000 38:38-1592
Fallon, Sally, Nourishing Traditions. Newtrends Publishing, Inc (2003)
……………………..

ฝ่ายบริการวิชาการ ศวฮ.สำนักงานปัตตานี แปลและเรียบเรียง

Super food 10 อย่างที่จะช่วยบำรุงร่างกายในช่วงเดือนเราะมะฎอน ตอนที่ 1

เดือนเราะมะฎอนเป็นช่วงเวลาที่ร่างกายทำความสะอาดตัวเอง เพราะเป็นช่วงเวลาที่มีเอนไซม์พิเศษคอยทำความสะอาดและฟื้นฟูสภาพ

หากท่านปฏิบัติตัวในเราะมะฎอนอย่างถูกต้อง ปริมาณอาหารที่บริโภคจะลดน้อยลงไป แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าท่านจะต้องขาดสารอาหาร

ข้าพเจ้าจะขอร่วมแบ่งปันอาหารและสมุนไพร 10 รายการที่อุดมไปด้วยสารอาหารที่จะช่วยให้ร่างกายได้รับสารอาหารตามความต้องการ

super food (อาหารที่มีแคลอรี่ต่ำ) เหล่านี้จะช่วยลดความรู้สึกไม่สบายตัวในช่วงถือศีลอดในเดือนเราะมะฎอน และช่วยให้คุณปรับตัวกับการอดอาหารตลอดจนดูแลระบบการย่อยอาหารและภูมิคุ้มกันของคุณให้ดำเนินไปอย่างกลมกลืน

เมื่อคุณไม่ได้ถือศีลอด การย่อยอาหารจะใช้ทรัพยากรจากร่างกายของเราเป็นจำนวนมากรวมไปถึงเอนไซม์ด้วยเช่นกัน การที่ร่างกายปล่อยให้ระบบย่อยอาหารทำงาน จึงเป็นการทำให้ร่างกายใช้ประโยชน์จากเอมไซน์ได้อย่างเต็มที่

แต่ขณะที่ถือศีลอด เส้นทางของการขับสารพิษและตับต้องทำงานอย่างหนักในการกำจัดของเสียที่เกิดจากการเผาผลาญที่ก่อขึ้นในระหว่างปี แต่กระบวนการที่แตกต่างจากกระบวนการอื่นในร่างกาย หากว่าระบบการการขับสารพิษไม่ได้รับสารอาหารจำเป็นที่ต้องการ มันก็จะทำงานไม่เต็มประสิทธิภาพ

นี่คือเหตุผลที่ว่าทำไม่จึงจำเป็นจะต้องดูแลสารอาหารในจานให้มีครบถ้วนในช่วงเดือนเราะมะฎอน

นี่คือแนวความคิดส่วนหนึ่งในการเพิ่มอาหารและสมุนไพรที่สำคัญสำหรับการปรุงอาหารของท่านในแต่ละวันพร้อมด้วยสูตรอาหารบางอย่างสำหรับให้ลิ้มลอง

::: 1. ต้นพู่ระหง :::
ต้นพู่ระหงนั้นหาซื้อได้ไม่ยากและถูกใช้ทำเป็นเครื่องดื่ม ซึ่งนิยมกันแพร่หลายในตะวันออกกลาง มักจะจำหน่ายในแบบถุงชา หรือมาแบบผงชา ดอกไม้แห้ง ประเพณีดั้งเดิมของคนอียิปต์จะดื่มมัน(ต้นพู่ระหง)หลังจากละศีลอด

อุดมไปด้วยวิตามิน ซี มันเป็น super food ที่มีระบบภูมิคุ้มกัน วิตามิน ซี นั้นจะสลายได้ง่ายเมื่อโดนแสงและความร้อน ดังนั้นเมื่อเราปรุงอาหารที่อุดมไปด้วยวิตามิน ซี หมายความว่าเรากำลังทำลายสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกาย

นี่คือเหตุผลหนึ่งที่ว่าทำไมการรับประทานอาหารที่หลากหลายและปรุงด้วยวิธีการแตกต่างกันไปจึงเป็นผลดีต่อสุขภาพ

การประกอบอาหารนั้นมีผลต่อพฤติกรรมการกินของเราอย่างมาก ในหลายกรณีเป็นเรื่องจำเป็นเพื่อให้ได้รับคุณค่าทางโภชนาการมากขึ้นและในบางกรณีทำให้ทานอาหารได้ปลอดภัย เช่นการกินผักขมสดๆจะเป็นตัวยับยั้งต่อมไทรอยด์ตามธรรมชาติ การปรุงอาหารนั้นจะขจัดสถานภาพในการยับยั้งอันตรายนี้ 

วิตามิน ซี คือสารอาหารที่ละลายได้ในน้ำ ซึ่งร่างกายไม่สามารถเก็บสะสมไว้ได้ เราไม่ได้เก็บสะสมมันไว้ใช้ ในช่วงเวลาที่คลาดแคลนเหมือนกับที่เราใช้ประโยชน์จากวิตามิน ดีที่ละลายได้ในไขมัน (fat-soluble)

นั่นหมายความว่าร่างกายของคุณต้องการบริโภควิตามินซีอยู่เป็นประจำ การจิบน้ำต้นพู่ระหงเย็นๆสักแก้วหลังจากถือศีลอดมาทั้งวันนั้น เป็นสิ่งที่จะทำให้คุณได้รับวิตามินซีตามที่ร่างกายต้องการ

[สูตรทำน้ำต้นพู่ระหงเย็น]
1. น้ำ 16 ออนซ์
2. ต้นพู่ระหง 1 ถุงชาหรือ 0.5 ดอกต้นต้นพู่ระหงแห้งแบบผง 0.5 ออนซ์ 
3. น้ำองุ่นขาวประมาณ 4-8 ออนซ์

[วิธีการ]
– เติมน้ำองุ่นที่ไม่มีน้ำตาลเพื่อรสชาติที่ดีขึ้น
– ใส่ดอกต้นพู่ระหงในภาชนะแล้วเทน้ำเย็นหรือน้ำพออุ่นๆจากนั้นทิ้งไว้ทั้งคืนหรือเพียงไม่กี่ชั่วโมง
– ตราบใดที่ถุงชายังแช่อยู่ในน้ำ รสขมก็จะยังคงอยู่ ให้เติมน้ำองุ่นเข้าไปเพื่อรสชาติที่ดีขึ้นและแช่ไว้ในตู้เย็นเป็นเวลา 3 วัน

::: 2. โยเกิร์ต :::
เราทุกคนต่างรู้ดีว่าโยเกิร์ตมีประโยชน์ต่อสุขภาพ แต่โยเกิร์ตทั้งหมดผลิตมาแตกต่างกัน ท่านต้องตรวจสอบให้แน่ชัดในการซื้อโยเกิร์ตว่าเป็นโยเกิร์ตที่เชื้อยังมีชีวิตอยู่ (active yogurt) ซึ่งจะทำให้ดีต่อสุขภาพ จะช่วยในเรื่องของระบบการย่อยอาหารและระบบภูมิต้านทาน

โยเกิร์ตซึ่งมีประโยชน์หลายอย่างอาจใช้เป็นเครื่องปรุงในสลัด เป็นอาหารจานหลัก main dishes หรืออาจจะทานเป็นของหวานก็ได้ โยเกิร์ตที่เติมผลไม้เป็นของหวานรสนุ่ม ซึ่งมีคุณค่าพอที่จะเสริฟให้แขกหรือรับประทานเป็นอาหารมื้อค่ำกับครอบครัว

::: 3. อาหารดอง :::
คล้ายๆกับโยเกิร์ต อาหารดองนี้เป็น super food แต่จะต้องมีวิธีการตระเตรียมในรูปแบบดั้งเดิมเท่านั้นโดยใช้เกลือกับน้ำไม่ต้องใช้น้ำส้มสายชู

การตรวจสอบให้แน่ใจว่าเป็นของแท้ ให้มองหาอาหารดองเหล่านี้ในช่องแช่เย็นของซูเปอร์มาร์เก็ต 

สิ่งที่ใช้ทำอาหารดองมิได้มีแค่เพียงแตงกวา ดังนั้นสิ่งที่มีคุณค่าทางโภชนาการนั้นอยู่ในช่วงกระบวนการหมักโดยจะย่อยจุลินทรีย์บางส่วนและจะดูดซึมวิตามินและแร่ธาตุไว้ 

เป็นที่น่าสนใจว่าอาหารหมักมักจะผลิตสารอาหารใหม่อยู่เสมอ ซึ่งก่อนกระบวนการหมักไม่มีสารเหล่านี้อยู่

ตัวอย่างที่ดีในเรื่องนี้ คือ ผักจำพวกกะหล่ำปลี และการหมักในกะหล่ำปลีดองของเยอรมัน ซึ่งก่อนการหมัก (ที่ไม่มีผลิตแอลกอฮอลล์) กะหล่ำปลีจะมีวิตามิน บีอยู่น้อย แต่หลังจากการหมักกะหล่ำปลีดองจะอุดมไปด้วยวิตามินมากมาย

………………………………………………………..
อ้างอิง:
Murray, Michael, Total Body Tune Up.Batam Books (2003).
Abeytia, Anisa, “Natural Detoxification,Aboutislam.net (July 13, 2014).
Katz, Sandor, Wild Fermentation. Chelsea Green Publishing (2003).
Fallon, Sally, Nourishing Traditions. Newtrends Publishing, Inc (2003).
……………………..
ฝ่ายบริการวิชาการ ศวฮ.สำนักงานปัตตานี แปลและเรียบเรียง

5 ปัจจัยที่ควรระวัง ภายใต้ข้อกำหนดฮาลาลในอุตสาหกรรมอาหาร

1. ซากสัตว์และสัตว์ที่ตายเอง (ยกเว้น ปลา ตั๊กแตนและสัตว์น้ำ)
เป็นที่ยอมรับกันโดยทั่วไปว่าการกินซากสัตว์นั้นถือว่าเป็นการรุกล้ำศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ และแทบจะไม่เห็นใครที่ยอมกินซากสัตว์ในสังคมแห่งอารยะของยุคสมัยใหม่นี้ แต่กระนั้นก็ยังมีโอกาสที่สัตว์อาจจะตายจากการช็อตไฟฟ้าก่อนที่จะผ่านกรรมวิธีการเชือดที่ถูกต้อง ซึ่งถือเป็นเรื่องที่พบได้เป็นปกติในประเทศฝั่งยุโรปมากกว่าประเทศในอเมริกาเหนือ ดังนั้นเนื้อสัตว์ที่ตายด้วยวิธีการข้างต้นไม่เป็นที่ยอมรับสำหรับชาวมุสลิมในการเลือกบริโภค

2. กรรมวิธีการเชือดที่ถูกต้อง
ในหลักการอิสลามมีข้อกำหนดสำหรับการเชือดสัตว์ที่เข้มงวด สัตว์เลี้ยงจะต้องเป็นสายพันธุ์ที่ฮาลาล อาทิ วัว แกะ หรือสัตว์ชนิดอื่นที่ฮาลาล สัตว์จะต้องผ่านกรรมวิธีการเชือดโดยมุสลิมที่บรรลุศาสนภาวะหรือมีวัยวุฒิที่เหมาะสม พระนามของอัลลอฮฺจะต้องได้รับการกล่าวขณะทำการเชือด สัตว์จะต้องถูกเชือดด้วยมีดที่แหลมคมและรวดเร็วเพื่อที่สัตว์จะได้เจ็บปวดน้อยที่สุด นอกเหนือจากนี้บริเวณที่ทำการเชือดจะต้องเป็นที่หลอดลมและเส้นเลือดที่คอเพื่อเป็นการตัดการไหลของเลือดไปยังประสาทของสมองซึ่งมีส่วนทำให้เกิดความเจ็บปวด สุดท้ายเลือดของสัตว์จะต้องปล่อยให้ไหลออกมาอย่างสมบูรณ์ เนื่องจากเลือดเป็นพาหะที่ดีสำหรับจุลินทรีย์แบคทีเรีย

รายละเอียดและเงื่อนไขอื่น ๆ ควรได้รับความใส่ใจเช่นเดียวกัน ตั้งแต่การฟูมฟักเลี้ยงดูสัตว์ การให้น้ำเพื่อป้องกันไม่ให้สัตว์เกิดความกระหาย และการใช้มีดที่คมเพื่อลดความเจ็บปวด เงื่อนไขเหล่านี้ จะต้องได้รับการพิจารณาเพื่อรองรับหลักมนุษยธรรมและความเมตตากรุณาที่มีต่อสัตว์ทั้งก่อนและระหว่างกระบวนการเชือด ชิ้นส่วนหรือส่วนผสมใด ๆ ในผลิตภัณฑ์จะต้องมาจากสัตว์ที่ผ่านกรรมวิธีการเชือดที่ถูกต้องเหมาะสมด้วยเช่นกัน จึงจะเหมาะแก่การบริโภคสำหรับชาวมุสลิม

3. สุกร
เนื้อหมู น้ำมันหมู รวมถึงชิ้นส่วนหรือส่วนประกอบใด ๆ ที่ได้มาจากสุกรนับว่าเป็นสิ่งต้องห้ามอย่างเด็ดขาดสำหรับการบริโภคของมุสลิม อีกทั้งยังต้องป้องกันความเป็นไปได้และโอกาสที่จะเกิดการปนเปื้อนข้ามระหว่างสุกรและผลิตภัณฑ์ฮาลาลด้วยความรอบคอบและระมัดระวัง ในความเป็นจริงแล้วการห้ามส่วนประกอบที่มาจากสุกรในหลักการอิสลามนั้นมีขอบเขตที่มากกว่าการรับประทานเป็นอาหารเท่านั้น เช่น มุสลิมจะต้องไม่ซื้อ ขาย แบก ขนส่ง เชือด หรือทำกิจกรรมใด ๆ ที่เกี่ยวข้องโดยตรงเพื่อให้ได้รับประโยชน์จากสุกร หรือช่องทางที่หะรอมอื่น ๆ

4. เลือด
เลือดที่ไหลออกมาจากตัวสัตว์ (เลือดไหลริน) โดยทั่วไปอาจจะไม่พบในตลาดหรือใช้บริโภคกันตามปกติ แต่ผลิตภัณฑ์ที่ทำจากเลือดหรือมีส่วนผสมที่ได้มาจากเลือดนั้นมีอยู่ ถึงกระนั้นในหมู่นักวิชาการศาสนามีความเห็นร่วมกันว่าผลิตภัณฑ์ใด ๆ ที่ทำมาจากเลือดนั้นไม่เป็นที่อนุมัติ (หะรอม) สำหรับผู้บริโภคมุสลิม

5. เครื่องดื่มแอลกอฮอล์และสิ่งมึนเมา 
เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เช่น ไวน์ เบียร์ และสุรา เป็นสิ่งต้องห้ามอย่างเด็ดขาด รวมถึงอาหารที่มีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นส่วนประกอบก็ถือว่าเป็นสิ่งต้องห้ามเช่นกัน เพราะสถานะการอนุมัติของอาหารดังกล่าวถูกทำให้มีมลทินด้วยสิ่งหะรอม นอกเหนือจากนี้ ยาเสพติดและของมึนเมาต่าง ๆ ที่ส่งผลต่อสุขภาพจิต สุขภาพกาย และสมรรถภาพโดยรวมทั้งหมดของผู้บริโภคนั้นเป็นที่ต้องห้าม ไม่ว่าจะเป็นการบริโภคโดยตรงหรือผสมรวมอยู่ในอาหารอื่นก็ตาม ถึงกระนั้น สำหรับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ก็มีกรณีเฉพาะบางกรณีที่อนุโลมให้แอลกอฮอล์บางชนิดที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ หรือแอลกอฮอล์ที่ใช้ในกระบวนการแปรรูปอาหาร

…………………..
ฝ่ายบริการวิชาการ ศวฮ. สำนักงานปัตตานี แปลและเรียบเรียง
ข้อมูลจากหนังสือ : Halal food production
โดย Mian N. Riaz, Muhammad M. Chaudry

“5 นวัตกรรมแอปพลิเคชัน เป็นมิตรกับมุสลิมที่ได้รับความนิยมในต่างประเทศปี 2018”

ความก้าวหน้าทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ทำให้เกิดการพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆที่สอดรับกับเศรษฐกิจและสังคมเพิ่มมากยิ่งขึ้น Halal lifestyle จึงเป็นอีกหัวข้อหนึ่งที่หลายๆ ประเทศพัฒนารองรับการท่องเที่ยว การใช้ชีวิตที่ฮาลาล โดยนำเสนอในรูปแบบที่ทันสมัย เข้ากับนวัตกรรมทางด้านเทคโนโลยีของโลกในปัจจุบัน เนื่องจากสังคมในปัจจุบัน การปฏิสัมพันธ์แบบตัวต่อตัวลดน้อยลงและเชื่อต่อผ่านอินเทอร์เน็ตมากยิ่งขึ้นผ่านแอปพลิเคชันบนโทรศัพท์มือถือ เพื่อเชื่อโยงหลักปฏิบัติและคำสอนทางศาสนาผ่านกระบวนทัศน์ทางเทคโนโลยีในปัจจุบันที่นักพัฒนาได้สร้างขึ้นบนฐานของนวัตกรรมที่เป็นประโยชน์ต่อสังคมอย่างแท้จริง 

ในประเทศไทยก็มีนักพัฒนาเทคโนโลยีอย่างแอปพลิเคชันที่สอดรับการการดำเนินชีวิตที่ฮาลาลจำนวนมาก ซึ่งเราจะนำเสนอในโอกาสต่อไป วันนี้มาเรียนรู้ส่วนหนึ่งจาก 5 นวัตกรรมแอปพลิเคชันเป็นมิตรกับมุสลิมที่ได้รับความนิยมในต่างประเทศปี 2018 ดังต่อไปนี้

1. Athan โดยทีมงาน IslamicFinder
แอปพลิเคชัน Athan โดยทีมงาน IslamicFinder เป็น แอปพลิเคชันที่เปลี่ยนความสัมพันธ์ของมุสลิมกับเทคโนโลยี โดยเฉพาะกิจกรรมและหน้าที่ทางด้านศาสนาซึ่งเป็นแอปที่ใช้บอกเวลาละหมาดโดยอัตโนมัติ ตามพื้นที่ที่เราอยู่ ตลอดจนบอกทิศทางกิบลัตเพื่อใช้ละหมาด ดุอาอต่างๆที่เกี่ยวข้อง ซึ่งแอป Athan ได้รวบรวมเครื่องมือต่างๆทางเทคโนโลยี เพื่อให้ผู้ใช้งานใช้ได้อย่างสะดวก รวดเร็วและเข้าถึงง่าย สนใจแอปพลิเคชันนี้ สามารถดาวน์โหลดได้เลย https://www.islamicfinder.org/athan/

2. HalalTrip
แอปพลิเคชัน HalalTrip คือ แอปนวัตกรรมแปลกใหม่ที่ต้องการให้นักท่องเที่ยวมุสลิม ได้รับความสะดวกสบายเมื่อเดินทางไปต่างประเทศโดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศที่ไม่ใช่มุสลิม เพื่อค้นหาอาหารฮาลาล สถานที่ละหมาด สถานท่องเที่ยวที่บริการฮาลาล โดย HalalTrip เป็นแอปแชร์ออนไลน์ที่ได้รับการตรวจสอบโดยเพื่อนช่วยเพื่อน ในการค้นหามัสยิด ร้านอาหารฮาลาล แผนการท่องเที่ยว เวลาละหมาดในเที่ยวบินและดุอาอการท่องเที่ยว (บทขอพร) เพื่อให้การเดินทางง่ายและสะดวกสบายที่สุดเท่าที่จะทำได้ ไม่ว่าคุณจะเป็นหนุ่มสาวมุสลิมที่เดินทางไปยังประเทศที่ไม่ใช่มุสลิมเป็นครั้งแรกหรือเดินทางไปยังเมืองใหม่ๆ HalalTrip จะเป็นแอพพลิเคชันคำตอบสำหรับคุณ
https://play.google.com/store/apps/details…

3. Zabiha
Zabiha เป็นแอปพลิเคชันที่มีลักษณะคล้ายกับที่กล่าวมาข้างต้น ซึ่งจะช่วยเชื่อมต่อนักท่องเที่ยวมุสลิมกับภัตตาคารและร้านอาหารฮาลาลให้เลือกมากมาย Zabiha ยังใช้ความเชี่ยวชาญและข้อมูลของผู้ใช้เพื่อปรับปรุงฐานข้อมูลอย่างต่อเนื่อง ซึ่งผู้ใช้สามารถแท็กและทำเครื่องหมายสถานที่ต่างๆ ที่ให้บริการอาหารฮาลาลได้ เป็นเครื่องมือที่ครอบคลุมร้านอาหารและตลาดฮาลาลที่เป็นประโยชน์อย่างมากสำหรับผู้ที่เดินทางไปประเทศใหม่ที่ไม่ใช่มุสลิมและต้องการหาอาหารที่ฮาลาล ในทำนองเดียวกันก็สามารถเป็นประโยชน์สำหรับผู้ที่อาศัยอยู่อย่างถาวรในประเทศเหล่านั้น
https://play.google.com/store/apps/details?id=com.zabihah.ui

4. Islamic GPS
แอปพลิเคชัน Islamic GPS เป็นแอปพลิเคชันที่นำเทคโนโลยีอย่าง AR (Augmented reality) ซึ่งเป็นภาพจริงเสมือนมาเป็นเครื่องมือในการค้นหามัสยิดในบริเวณใกล้เคียงได้อย่างง่ายดายและนำทางผ่านแพลตฟอร์ม AR เพื่อเข้าถึงทางเข้ามัสยิดในประเทศที่มีข้อจำกัดในการแสดงออกทางศาสนาที่เปิดกว้าง ดังนั้น แอปพลิเคชัน Islamic GPS นี้จึงสามารถทำหน้าที่เป็นเพื่อนร่วมทางในการช่วยเหลือคุณในการเข้าถึงมัสยิด นอกจากนี้แอปพลิเคชันยังมีภาพมัสยิดที่โดดเด่นทั่วโลกในมุมมองเสมือนจริงมาไว้ในแอปอีกด้วย หากคุณเป็นคนรักสถาปัตยกรรมมัสยิดจริงๆและต้องการเข้าใกล้มากที่สุด แนะนำให้ดาวน์โหลดแอปนี้ได้เลย
https://play.google.com/store/apps/details…

5. The Sira (Seerah) 
แอปพลิเคชัน Sira เป็นแอปพลิเคชันสุดท้ายในรายการ แต่ไม่ได้หมายความว่าจะมีลำดับท้ายสุดของความน่าสนใจ The Sira (Seerah) เป็นเครื่องมือทางเทคโนโลยีและพลังของอินเทอร์เน็ตในการสร้างสถานการณ์แบบโต้ตอบ ที่ให้ข้อมูลแนะนำชีวประวัติของท่านนบีมูฮัมมัด (ซล.) และจุดเริ่มต้นของศาสนาอิสลามให้กับเด็กๆ โดยใช้แอนิเมชั่นและรูปแบบอื่นๆของนวัตกรรมทางเทคโนโลยีเชิงโต้ตอบ เพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้เรื่องราวที่เป็นรากฐานสำคัญและความเชื่อของศาสนาอิสลาม ที่ได้รับการพัฒนาในรูปแบบที่น่าดึงดูดสำหรับเด็กด้วยกับภาพแอนิเมชั่นและเสน่ของเทคโนโลยี ในแง่นี้เอง Sira นั้นจำเป็นสำหรับทุกคนที่ต้องการให้บุตรหลานของท่านได้สัมผัสกับเรื่องราวของศาสนาอิสลามและท่านนบีมูฮัมมัด (ซล.) ในรูปแบบที่น่าสนใจ

………………………………………………………………….
ที่มา : https://dailytimes.com.pk/…/five-most-innovative-islamic-a…/

“ซะบีหะฮฺ” เงื่อนไขและกรรมวิธีการเชือดสัตว์ ตามหลักการอิสลาม

‘ซะบีหะฮฺ’ คือนิยามที่ใช้เรียกวิธีการเชือดสัตว์ที่มีเป้าหมายเพียงเพื่อให้มนุษย์ใช้บริโภคเป็นอาหารเท่านั้น คำว่า ‘ซะบีหะฮฺ’ ในภาษาอาหรับมีรากศัพท์เดียวกันกับคำว่า ‘ทำให้บริสุทธ์’ หรือ ‘การทำสิ่งที่ดีและเป็นประโยชน์’ วิธีการแบบ ‘ซะบีหะฮฺ’ สามารถเรียกได้อีกอย่างหนึ่งว่า ‘ซะกาต’ ในภาษาอาหรับ ซึ่งมีความหมายว่า ‘การทำให้บริสุทธิ์’ หรือ ‘ทำให้สมบูรณ์’ กรรมวิธีการเชือดแบบ ‘ซะบีหะฮฺ’ จึงถือว่าเป็นเงื่อนไขที่ต้องปฏิบัติเพื่อให้สอดคล้องกับหลัก ‘ชะรีอะฮฺ’ (แนวทางที่ได้รับการกำหนดโดยผู้เป็นเจ้าเพื่อให้ผู้ศรัทธาพึงปฏิบัติตาม)  คำว่า ‘ซะบีหะฮฺ’ และคำว่า ‘ซับหฺ’ นั้นมีความหมายเดียวกัน ซึ่งใช้เรียกเงื่อนไขและวิธีการเชือดตามหลักการอิสลาม

บุคคลที่ดำเนินการเชือด
บุคคลที่ได้รับมอบหมายให้มีหน้าที่เชือด ‘ซะบีหะฮฺ’ จะต้องเป็นมุสลิมที่มีวัยวุฒิเหมาะสมและมีสติสัมปชัญญะสมบูรณ์ ผู้เชือดอาจเป็นได้ทั้งชายและหญิง โดยมีเงื่อนไขว่าบุคคลที่ดำเนินการเชือดจะต้องอยู่ในสภาพคงสติสมบูรณ์ ไม่ขาดสติหรือสุขภาพจิตไม่สมบูรณ์ในระหว่างเชือด เนื้อที่ได้จากการเชือดต้องมาจากผู้ศรัทธาเท่านั้น หากผู้ใดที่ดำเนินการเชือด ‘ซะบีหะฮฺ’ โดยที่เขาไม่ใช่ผู้ศรัทธา เป็นผู้ตั้งภาคี หรือสิ้นสภาพจากการเป็นมุสลิม เนื้อที่ได้รับการเชือดโดยบุคคลเหล่านั้นจะไม่ได้รับการยอมรับให้บริโภคได้ตามหลักการอิสลาม

เครื่องมือที่ใช้ในการเชือด
มีดที่ใช้ในกระบวนการเชือด ‘ซะบีหะฮฺ’ จะต้องมีความคมเป็นอย่างมาก สามารตัดผ่านผิวหนังและหลอดเลือดอย่างรวดเร็วเพื่อให้เลือดไหลออกมาได้ทันที หรืออีกนัยหนึ่งคือเพื่อให้เกิดภาวะเลือดไหลเฉียบพลันในปริมาณมาก ท่านนบีมุฮัมมัดได้กล่าวว่า “แท้จริง อัลลอฮฺได้กำหนดคุณธรรมความเมตตาไว้ในทุกสิ่ง ดังนั้นเมื่อพวกเจ้าทั้งหลายจะสังหาร (ชีวิต) ก็จงสังหารด้วยกับคุณธรรม (ไม่ทรมาน) และเมื่อพวกเจ้าทั้งหลายต้องการที่จะเชือด (ซะบีหะฮฺ) ก็จงมีคุณธรรมในการเชือด (ไม่ทรมาน) เมื่อผู้หนึ่งผู้ใดจากพวกเจ้าต้องการที่จะเชือดสัตว์ ก็จงลับมีดให้คมและให้สัตว์ได้ผ่อนคลาย” (บันทึกโดยมุสลิม) ท่านนบีมุฮัมมัดได้กล่าวถึงข้อห้ามในการใช้เครื่องมือหรือมีดตัดผ่านผิวหนังของสัตว์โดยที่หลอดเลือดที่ลำคอไม่ได้ถูกตัดขาด เช่นเดียวกัน หลักการเชือดสัตว์ด้วยจริยธรรมอิสลามนั้นห้ามมิให้มีการลับมีดต่อหน้าสัตว์ที่จะทำการเชือด

การเชือด
บริเวณที่ทำการเชือดจะต้องเป็นที่หลอดลมและเส้นเลือดที่คอเพื่อเป็นการตัดการไหลเวียนของเลือดไปยังประสาทของสมอง ซึ่งมีส่วนทำให้เกิดความเจ็บปวด ในอดีต การเชือดอูฐจะเชือดจุดใดก็ได้ ณ บริเวณต้นคอ ซึ่งวิธีการเช่นนี้เรียกว่า ‘นะหฺร’ หมายถึง การใช้อาวุธจำพวกหอกหรือของมีคมทิ่มลงบนตำแหน่งต้นคอ ขณะที่ปัจจุบันมีเทคนิคการเชือดสมัยใหม่และเครื่องมือที่ช่วยทำให้สัตว์หมดสติ ด้วยเหตุนี้ การเชือดด้วยวิธีดังกล่าวจึงไม่ได้รับการถือปฏิบัติอีกต่อไป สำหรับ ‘ซะบีหะฮฺ’ แล้ว ผู้เชือดจะต้องใช้มีดตัดผ่านหลอดลมใหญ่ หลอดอาหาร หลอดเลือดดำ และเส้นเลือดแดงคาโรติดอาเทอรี (เส้นเลือดแดงใหญ่ที่ไปเลี้ยงสมอง) โดยที่มีดจะต้องไม่ไปตัดไขสันหลัง และอวัยวะส่วนศีรษะจะต้องไม่ถูกตัดขาดจากกันโดยสิ้นเชิง ไม่เช่นนั้นจะถือว่าการเชือดนั้นไม่สมบูรณ์ เป็นที่น่าสนใจอีกว่ากรรมวิธีการเชือดของโคเชอร์มีลักษณะคล้ายคลึงกับวิธีการเชือดแบบ ‘ซะบีหะฮฺ’ ดังที่ได้อธิบายไว้ข้างต้น ซึ่งสิ่งที่แตกต่างกันระหว่างโคเชอร์กับ ‘ซะบีหะฮฺ’ คือ ในโคเชอร์การกล่าวนามของพระเจ้านั้นไม่ได้ถูกเอ่ยกับสัตว์ที่จะทำการเชือดทุกตัวเหมือนของ ‘ซะบีหะฮฺ’

การกล่าวนามผู้เป็นเจ้า
การกล่าวนามผู้เป็นเจ้า หรือ ‘ตัสมียะฮฺ’ หมายถึง การเอ่ยคำว่า “บิสมิลลาฮฺ” (ด้วยพระนามของอัลลอฮฺ) หรือ “บิสมิลลาฮฺ อัลลอฮุ อักบัร” (ด้วยพระนามของอัลลอฮฺ พระเจ้าผู้ทรงยิ่งใหญ่) ก่อนทำการเชือด ณ บริเวณลำคอของสัตว์ อย่างไรก็ตาม การกล่าว นามของผู้เป็นเจ้าก็มีทรรศนะที่แตกต่างกันในหมู่นักวิชาการตั้งแต่อดีตมา ตัวอย่างเช่น อิหม่ามมาลิก กล่าวว่า การไม่กล่าวนามของผู้เป็นเจ้าก่อนที่จะทำการเชือด แม้จะตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ตาม ให้ถือว่าเนื้อสัตว์ที่ได้จากการเชือดนั้น ‘หะรอม’ หรือเป็นที่ต้องห้ามในการนำมาบริโภค ; ส่วนอิหม่ามอะบู หะนีฟะฮฺ กล่าวว่า ถ้าจงใจที่จะไม่กล่าวนามของผู้เป็นเจ้าในระหว่างการเชือด เนื้อที่ได้ถือว่าเป็นเนื้อต้องห้าม แต่ถ้าการละเว้นการกล่าวนามของผู้เป็นเจ้าเกิดจากความไม่ตั้งใจ เนื้อที่ได้ถือว่าฮาลาลแก่การนำมาบริโภค ; ส่วนทรรศนะของอิหม่ามชาฟิอีย์ กล่าวว่า ไม่ว่าการละเว้นการกล่าวนามของผู้เป็นเจ้าจะเป็นไปด้วยความตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ตาม เนื้อที่ได้ถือว่าอนุญาตให้บริโภคได้ หากผู้ที่ทำการเชือดนั้นมีคุณสมบัติพร้อมตรงตามหลัก ‘ซะบีหะฮฺ’

จากทรรศนะที่กล่าวไว้ข้างต้น ไม่ได้หมายความว่า การกล่าวนามผู้เป็นเจ้านั้นไม่ใช่ประเด็นสำคัญและไม่ได้เป็นข้อบังคับตามหลักการ มิหนำซ้ำ การกล่าวนามผู้เป็นเจ้ากลับเป็นประเด็นที่ได้รับการเน้นย้ำอย่างแพร่หลายและถือว่าเป็นเงื่อนไขจำเป็นสำหรับการเชือด ‘ซะบีหะฮฺ’

………………….
ฝ่ายบริการวิชาการ ศวฮ. สำนักงานปัตตานี เรียบเรียง
ข้อมูลจากหนังสือ : Halal food production
โดย Mian N. Riaz, Muhammad M. Chaudry